ชาริล ชัปปุยส์ เทพบุตรฟุตบอลไทย กับรอยสักแห่งชีวิต

ในปี 2014 เป็นปีที่ฟุตบอลทีมชาติไทยกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนานหลายปี เนื่องจากได้คว้าอันดับที่ 4 ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ปี 2014 ที่ประเทศเกาหลีใต้ และยังได้กลับมาคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ได้สำเร็จในปีเดียวกัน ซึ่งในปีนั้นทำให้มีนักฟุตบอลดาวรุ่งรุ่นใหม่ฉายแสง แจ้งเกิดในนามฟุตบอลทีมชาติไทยหลายต่อหลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นที่เป็นนักฟุตบอลที่มีคนชื่นชอบมากที่สุดก็คือ ชาริล ชัปปุยส์ นักเตะทีมชาติไทยลูกครึ่งสวิตเซอร์แลนด์

ด้วยหน้าตาอันหล่อเหลาของนักเตะรายนี้ ทำให้วงการฟุตบอลทีมชาติไทย ทวีความนิยมมากขึ้นในบรรดาหมู่อิสสตรีของประเทศ ซึ่งปกติไม่ได้ให้ความสนใจในฟุตบอลทีมชาติไทยมากนัก นอกเหนือจากทักษะที่ยอดเยี่ยมในการเล่นฟุตบอลและใบหน้าอันหล่อเหลาแล้ว ชาริล ยังมีรอยสักที่เป็นศิลปะที่งดงาม และมีความหมายที่ลึกซึ้งไม่แพ้กัน

โดยรอยสักที่เป็นลายแรกในชีวิตของ ชาริล เป็นรอยสักของวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน ปี 2009 ซึ่งเป็นตัวเลขของวันในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งชาริล ได้เป็นนักเตะชุดเยาวชนทีมชาติในชุดนั้นด้วย จากนั้นในเวลาต่อมา ชาริล ได้สักรอยสักรูปฟุตบอลลงที่ข้อศอกซ้าย โดยมีภาพใบหน้าของตัวตลกหรือโจ๊กเกอร์ กับใบหน้าของคนที่เศร้าหมองรวมอยู่ด้วยกัน เพื่อเป็นเครื่องหมายเตือนใจในวันที่บาดเจ็บอย่างหนักของตนเอง หลังจากจบฟุตบอลโลกที่ผ่านมาได้ครึ่งปี จากอาการกระดูกข้อเท้าแตกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้ระลึกถึงว่าในชีวิตมีทั้งช่วงเวลาที่ดีและมีช่วงเวลาที่แย่รวมอยู่ด้วยกัน อีกทั้งยังมีรอยสักที่เป็นความทรงจำในวัยเด็กตรงน่องด้านขวา ที่มีการสักตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบอย่าง ดราก้อนบอล มาริโอ กัปตันสึบาสะ โดนัลดั๊ก รวมไปถึงสไปร์เดอร์แมนที่ทำหน้าที่เป็นผู้รักษาประตู พร้อมทั้งมีคำภาษาอังกฤษที่เขียนไว้ว่า “Never Give Up in yours Dreams” ซึ่งแปลเป็นไทยว่า “อย่ายอมแพ้ในความฝันของคุณ”  และนอกจากนี้ยังมีศิลปะที่ทดแทนความรู้สึกถึงทั้งคุณพ่อและคุณแม่ที่ต้นขาทั้งสองข้าง โดยได้สักรูปช้างไว้ที่ต้นขาด้านขวา เป็นสัญลักษณ์ของคุณแม่ในนามทีมชาติไทย และต้นขาด้านซ้ายเป็นรูปหมาป่าพร้อมกับภูเขาสวิตเซอร์แลนด์ที่ เป็นสัญลักษณ์ทีมชาตสวิสเซอร์แลนด์ในด้านของคุณพ่ออีกด้วย

จากจุดเริ่มต้นของรอยสักที่ได้แรงบันดาลใจมาจากพี่สาว รอยสักที่มีทั้งหมดในร่างกายของ ชาริล ตอนนี้ต่างมีเรื่องราวและความทรงจำที่ได้บรรยายไว้เป็นเรื่องเล่าเฉกเช่นเดียวกับเรื่องราวตัวตนในชีวิตของ ชาริล ที่มีเส้นทางเดินตามความฝันในชีวิตเป็นของตัวเอง วันนี้เหลือเพียงแขนด้านขวาเท่านั้นที่ยังไม่มีรอยสักศิลปะที่งดงามวาดอยู่ เพราะ ชาริล ตั้งใจเก็บเอาไว้เล่าเรื่องราวของชีวิต หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตหลังแต่งงานกับคนที่ตนเองรักในอนาคต