เมมฟิส เดอปาย รอยสักทำให้กลับสู่ฟอร์มอันโหดร้าย

แฟน ๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหรือแฟนฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคงจำเมมฟิส เดอปายศูนย์หน้าชาวเนเธอร์แลนด์ได้เป็นอย่างดี เดิมทีกองหน้าทีมกังหันลมผู้นี้เคยเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดในยุโรป เขาแจ้งเกิดเต็มตัวกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในฟุตบอลโลกปี 2014 ผลพวงจากฟอร์มอันโดดเด่นนั้นทำให้ไม่กี่เดือนต่อมาเขาได้สวมยูนิฟอร์มของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสมใจโดยไม่รู้ตัวเลยว่านั่นคือจุดเริ่มของความขมขื่น

การเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของตระกูลเกลเซอร์ถูกต่อต้านจากบรรดาเร้ด อาร์มี่มาตลอดและพวกเขาทราบดีว่าหากจะหยุดกระแสด้านลบนั้นต้องบริหารทีมให้ถูกใจบรรดาสาวกเท่านั้น การเอาใจแฟนบอลรูปแบบไหนคงไม่เอนเตอร์เทนเท่าการซื้อนักเตะชื่อดังเข้าสู่ทีมและเดอปายดาวเตะเนื้อหอมในขณะนั้นก็คือหนึ่งในชื่อที่ทำให้เสียงวิจารณ์ตระกูลเกลเซอร์ลดลง แฟนผีต้องการให้ทีมคว้านักเตะหนุ่มคนนี้จากพีเอสวี ไอน์โฮเฟ่นเพราะเห็นถึงศักยภาพที่จะยกระดับทีมได้ แถมเดอปายยังมีความกระหายในชัยชนะซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นักเตะในทีมปีศาจแดงขาดหายไปแสนนาน ปีแรกที่ได้ลงสนามรับใช้ทีมดังจากเมืองแมนเชสเตอร์เขาโชว์ฟอร์มได้สมน้ำสมเนื้อในฐานะนักเตะดาวรุ่ง แต่พอเข้าสู่ปีถัดไปฟอร์มของปีกกล้ามแน่นก็ค่อย ๆ หายไปกับสายลมพร้อมกับอาการบาดเจ็บที่คอยรังควาน แฟนบอลปีศาจแดงที่เคยหนุนหลังต่างกลับกลายอยากให้ทีมปล่อยตัวเขาออกไปเพราะเห็นว่าพัฒนาการของเดอปายหยุดนิ่งอยู่กับที่และทีมต้องการนักเตะสำเร็จรูปที่ใช้ได้เลยมากกว่าต้องมาปลุกปั้นกันอีก สิริรวมแล้วลงสนาม 50 นัดทำไป 7 ประตูกับอีก 9 แอสซิสต์เป็นสถิติสุดจุ๋มจิ๋มของเดอปายตลอดสองปีกับแมนฯยูไนเต็ด

เดอปายไม่อยู่ในแผนของกุนซือผู้มาใหม่อย่างมูริญโญ่จึงถูกโละขายให้โอลิมปิค ลียงในฝรั่งเศส บนแดนน้ำหอมปีกตกอับได้ฉายแสงอีกครั้ง เพียงไม่กี่เกมในลีก เอิงเขาก็ปรับตัวได้และกลับมามีชื่อบนสกอร์บอร์ด จากนั้นไม่นานเดอปายก็ต้องได้รับบทศูนย์หน้าจำเป็นและเขาก็ไม่ทำให้ทีมผิดหวังแม้จะไม่ใช่ตำแหน่งธรรมชาติของเขาก็ตาม เจ้าหนุ่มจากฮอลแลนด์จัดการกระซวกตาข่ายอย่างโหดเหี้ยม กระหน่ำยิงอย่างไม่หยุดยั้งตลอดสามปีที่ค้าแข้งกับลียงเขาทำสถิติลงเล่นในลีก เอิง 89 นัดยิงไป 34 ประตูกับอีก 31 แอสซิสต์ การคัมแบ็กกลับสู่ฟอร์มโหดเช่นนี้สำนักข่าวจึงไม่รอช้าจับเจ้าตัวมานั่งสัมภาษณ์ว่ามีเคล็ดลับอะไรซ่อนอยู่ ศูนย์หน้าฟอร์มฮอตเลยได้โอกาสเปิดใจกล่าวถึงรอยสักที่เป็นเหมือนขุมพลังของเขาอย่างคมคาย

“รอยสักรูปใบหน้าสิงโตที่แผ่นหลังของผมมันคือผมเอง…ผมรู้สึกว่าตัวเองคือสัตว์ป่าที่ถือกำเนิดและเติบโตขึ้นในป่าที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย สิงโตตัวนี้ต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก้าวย่างเท้าลงบนผืนแผ่นดินอันขรุขระจนเท้าของมันเต็มไปด้วยบาดแผล และเมื่อผ่านสิ่งเหล่านั้นไปได้มันจะกลายเป็นราชาแห่งป่าและยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจด้วยเท้าอันหยาบกระด้างของมันเอง”

หลังจากมีรอยสักรูปใบหน้าสิงโตเต็มแผ่นหลัง ทุกครั้งที่เมมฟิส เดอปายมองดูรอยสักสุดอลังการนั้นจากกระจกสะท้อนเขาจะให้คำมั่นกับตัวเองเสมอว่า ต้องกลับมาเป็นราชาบนฟลอร์หญ้าอีกครั้งด้วยสองขาของตัวเอง แม้หนทางจะยากเย็นก็ต้องอดทนฝ่าไปเช่นเดียวกับสิงโตที่เท้าของมันเต็มไปด้วยบาดแผล น่าเสียดายที่เมื่อรอยสักนี้เสร็จสมบูรณ์เป็นช่วงที่เขาต้องอำลาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปซบอกลียงพอดี ไม่อย่างนั้นแฟนบอลแมนฯยูฯอาจจะได้เห็นเมมฟิส เดอปายระเบิดพลังแห่งราชสีห์อยู่ในสนามโอล แทรฟฟอร์ดจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นไปได้