รอยสักนักบาสเกตบอล NBA ที่ดูดีและมีเสน่ห์ไม่แพ้ใคร

นักบาสเกตบอลในระดับโลก ความสนใจของแฟน ๆ กับรอยสักของพวกเขาอาจจะไม่ใช่ประเด็นร้อนแรงเหมือนกับนักฟุตบอล หรือนักมวย แต่นักกีฬาบางคนก็มีรอยสักที่ดูดีและโดดเด่นไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วยังสามารถสื่อความหมายเพื่อบอกความเป็นตัวเองได้เป็นอย่างดีเช่นกัน แฟนตัวยงนักบาสเกตบอลชื่อดังอาจจะสะดุดตาได้เลยกับรอยสักนั้นเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าคือใคร ซึ่งเหตุผลในการมีรอยสักนั้นก็คล้าย ๆ กับนักกีฬาประเภทอื่น ๆ มันสามารถบอกถึงความทรงจำบางอย่างในชีวิตที่สำคัญ เป็นประสบการณ์ทั้งดีและไม่ดี ซึ่งพวกเขาอยากเก็บเอาไว้ อย่างน้อยก็เพื่อเตือนใจตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ จุดเริ่มต้น สิ่งที่วาดฝัน หรือสิ่งที่รักและหวงแหนที่สุดในชีวิตก็ตาม นอกจากนี้อาจจะมาจากเหตุผลของความสวยงาม ดูดีและหลงใหลในศิลปะของรอยสักก็ได้เช่นกัน

3 ผู้เล่นบาสเกตบอล NBA ที่มีรอยสักที่ดูดีและสวยงามที่สุด

1.ออสติน ริเวอร์ (Austin Rivers) นักกีฬาชื่อดังแห่งวงการ NBA กับรอยสักสุดคูล ไม่แพ้ความสามารถของเขา อย่างเช่น สักอักษร G.F.B ซึ่ง G หมายถึงพระเจ้า F หมายถึงครอบครัวของเขาและ B หมายถึงบาสเกตบอล ด้านล่างมีสัญลักษณ์ของไม้กางเขนหัวใจและแป้นบาสเกตบอล สิ่งเหล่านี้คือชีวิตและจิตวิญญาณของเขานั่นเอง, รอยสัก FAITH ข้างมือขวามีความหมายถึงความศรัทธาและรอยสักที่เป็นเหมือนข้อความยาว ๆ บางอย่างใต้แขนซ้าย ความหมายของข้อความนั้นคือวิธีเอาชนะความกดดันและความล้มเหลวที่ใช้ได้ผลกับตัวเอง และยังมีรอยสักอีกหลายรูป คือ รูปพระเยซูและพระแม่มารี, ภาพวาดของมาร์ตินลูเธอร์คิงและดอกกุหลาบ ล้วนแต่มีความหมายและยังสวยงามอีกด้วย

2.เจเจ เรดดิค (JJ Redick) เป็นนักบาสเกตบอลมืออาชีพชาวอเมริกันที่เล่นให้กับทีม New Orleans Pelicans ของ NBA และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ผู้มีรอยสักที่ให้ตัวของเขาได้รู้ว่าพระเจ้าได้มอบสิ่งหนึ่งเอาไว้ให้กับเขา อย่างเช่น ข้อพระคัมภีร์บนแขนขวา, รูปนางฟ้าปีกเปิดบนไหล่ซ้าย, รูปนกอินทรีย์บนแขนซ้าย, วัวและสิงโตมีปีก ซึ่งเป็นการสื่อความหมายในทางความศรัทธาในศาสนา

3.เลอบรอนเจมส์ (Lebron James) ดาวเด่นแห่ง Los Angeles Lakers NBA เขามีรอยสักที่น่าสนใจบนร่างกายมากเช่นกัน โดยเฉพาะสักคำว่า CHOSEN1 ซึ่งก็คือผู้ที่ถูกเลือกอีกหนึ่งคน ให้เป็นบุคคลสำคัญที่น่ายกย่อง, สิงโตสวมมงกุฎสื่อถึงการเริ่มต้นชีวิตนักบาสเกตบอลใน NBA, WITNESS หลังจากประสบความสำเร็จในปี พ.ศ.2549 และรอยสักครอบครัว ทั้งที่สื่อถึงแม่ในคำว่า Gloria รูปลูกชายของเขาและอักษรย่อชื่อของเขาเอง L และ J บนแขนซ้ายและขวา เป็นต้น

ความหมายของรอยสัก นำพาชัยชนะในเกมการแข่งขันได้…จริงหรือไม่

ส่วนหนึ่งของชัยชนะในเกมการแข่งขันกีฬาก็คือ กำลังใจที่ดี นอกจากการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงแล้ว เพราะการมีที่พึ่งทางใจจะสามารถทำให้เกิดความฮึกเหิม กระหายชัยชนะได้มากขึ้น เหมือนทำให้เกิดพลังที่จะเล่นตลอดเกมการแข่งขัน ในกีฬาบาสเกตบอลก็เช่นกัน ความหมายต่าง ๆ จากรอยสักบนตัวนักกีฬาจะคอยเตือนให้พวกเขามีกำลังใจที่ดีอยู่เสมอ ไม่คิดย่อท้อต่ออุปสรรคที่ต้องพบเจอทั้งในเกมและนอกเกมการแข่งขัน จึงทำให้ได้ก้าวขึ้นสู่นักกีฬาระดับโลกได้อย่างสง่างาม

คริส แอนเดอร์สัน นกเสรีของวงการบาสเอ็นบีเอ

สำหรับแฟนบาสเกตบอลเอ็นบีเอแล้ว คริส “เบิร์ดแมน” แอนเดอร์สัน เป็นเรื่องราวอย่างหนึ่งของเกมยัดห่วง เมื่อเขาก้าวเข้ามา เติบโต มีชื่อเสียง ตกเป็นข่าวอื้อฉาว ร่วงหล่น และกลับคืนมาอีกครั้ง ภายใต้ภาพลักษณ์แบดบอยที่ดิบเถื่อนและเต็มไปด้วยรอยสักสีสันบาดตา

ในปี 2002 คริส แอนเดอร์สันเป็นผู้เล่นคนแรกก้าวกระโดดจาก D-league ของปิรามิดการแข่งขันบาสเกตบอลของอเมริกาสู่ลีก NBA แต่ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นก็ดูน่าอึ้งเช่นกัน

สามปีก่อนหน้าที่จะเดินลงสนามเอ็นบีเอ คริสลาออกจากวิทยาลัยบลินน์เพราะเชื่อมั่นว่าตัวเองจะต้องได้เล่นบาสอาชีพ แต่เขาหลุดสารบบการดร้าฟท์ตัวซึ่งเป็นด่านแรกสู่เอ็นบีเอ เขาเลยต้องไปเล่นเกมพิเศษที่เมืองจีน และได้รับการชักชวนให้เข้าร่วมทีมเจียงสู นานกิง ดราก้อนส์ หนึ่งปีต่อมาเขาก็ย้ายกลับอเมริกาเพื่อร่วมทีมกับนิว เม็กซิโก สแลม แต่ผลงานเฉลี่ย 1.1 แต้มกับ 1.6 รีบาวนด์กับการลงเล่น 10 เกม มันห่วยแตกจนคริสต้องกระเด็นจากทีม หลังจากนั้นก็ไปอยู่กับดาโกต้า วิซาร์ดแบบยังไม่ทันลงเล่นก็ย้ายทีมไปฟาร์โก้ มอร์เฮด บีซ์ แค่ 7 เกมที่บีซ์ คริสโดนเขี่ยทิ้งและได้ไปเล่นให้ซูการ์แลนด์ ชาร์ก ในลีกภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ โดยยังไม่ได้เฉียดกรายเข้าใกล้เอ็นบีเอเลย

ปีต่อมาคริสเข้าไปแจมกับคลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ช่วงสั้น ๆ แล้วก็ไปเซ็นสัญญากับฟินิกส์ ซัน แต่สุดท้ายกลายเป็นฟาร์เย็ตวิลล์ แพทริอ้อตท์ที่ดร้าฟท์เขาเข้าทีม ซึ่งเป็นแค่ทีมในระดับรอการพัฒนาของวงการบาสที่เรียกว่า Development League หรือ D-league

คริส แอนเดอร์สันถูกกล่าวถึงอย่างหนักเมื่อเดนเอวร์ นักเก็ตส์คว้าตัวเขาจากฟาร์เยตวิลล์หลังเล่นไปได้แค่ 2 เกมเพื่อดึงมาเล่นในลีกสูงสุดของวงการบาส ตอนนั้นเองที่คริสยังเป็นแข้นักบาสหน้าใหม่ที่มีรอยสักกระจุ๋มกระจิ๋ม

ปี 2001 ความโดดเด่นในการรีบาวด์และการบล็อกชู้ตทำให้คริส แอนเดอร์สันกลายเป็นผู้เล่นระดับท็อปอย่างรวดเร็ว เขาถูกขนานนามว่าเป็นเบิร์ดแมน หรือมนุษย์นกผู้กางปีกปกป้องห่วงของทีม พอถึงปี 2004 นิวออร์ลีน ฮอร์เน็ตส์ก้าวเข้ามาคว้าตัวเบิร์ดแมนไปร่วมทีม ในปีนั้นเขาเริ่มมีรอยสักที่ระบายสีสันลงไปแทนลายเส้นสีดำเดิม ๆ ทว่าในปี 2006 คริสก็ต้องถูกเขี่ยทิ้งจากวงการเมื่อไม่ผ่านการตรวจเรื่องสารเสพติด

ช่วงเวลาที่เขาออกไปจากวงการ หาทางแก้ต่างให้ตัวเองพ้นจากข้อกล่าวหาเรื่องสารเสพติด คริมเข้ารับการบำบัดพฤติกรรมไปพร้อมกัน และทำงานเป็นโค้ชทีมเด็กของเดนเวอร์ไปพลาง ๆ จนถึงปี 2008 ข่าวดีก็มาถึงเมื่อเขาได้รับการตัดสินให้พ้นข้อกล่าวหา เขาได้รับสิทธิ์กลับเข้าสู่วงการบาสและเป็นนิวออร์ลีน ฮอร์เน็ตส์ที่อ้าแขนรับเขากลับสู่ทีม

การกลับมาของคริส แอนเดอร์สันในบุคลิกใหม่ ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่แฟนบาสโปรดปราน เช่นเดียวกันกับสีสันรอยสักของแอนเดอร์สันที่ถูกเติมเต็มอย่างเต็มที่

หลังจาก 4 ปีระหว่าง 2008-2012 ที่โดดเด่นกับเดนเวอร์ นักเก็ตส์อีกทีมเก่า ไมอามี่ ฮีตก็ดึงคริสไปร่วมทีม และเขาก็ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ได้ในปี 2013 เป็นก้าวสูงสุดของเขา เช่นเดียวกับกับเรือนร่างที่สมบูรณ์ด้วยสีสันของรอยสัก

คริส “เบิร์ดแมน” แอนเดอร์สัน ใช้ชีวิตของเขาอย่างเต็มที่ เขาเป็นคนที่รักอิสระมากจนบางครั้งก็เกินขนาด แต่เมื่อเขาเริ่มเรียนรู้การควบคุมตัวเองก็สามารถใช้อิสระได้อย่างถูกที่ถูกทาง ซึ่งมันสมกันกับรอยสักบนลำคอว่า “Free Bird” นกที่บินอย่างอิสระและได้รับการยกย่องในอิสระนั้น

โรเบอร์โต้ ฟีร์มีโน่, ลิเวอร์พูล, รอยสักตัวพ่อ

บาสเกตบอลเอ็นบีเอคือลีกบาสอันดับหนึ่งของโลก และเป็นกีฬาครองใจชนชาวอเมริกันมาอย่างยาวนาน วิธีการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อทีมหรือผู้เล่นของชาวอเมริกันมีหลากหลายแบบ บางคนเลือกการสะสมการ์ด บางคนก็สะสมเสื้อ รองเท้า และแฟนพันธุ์แท้ของศึกยัดห่วงเอ็นบีเอบางคนก็มีวิธีแสดงออกถึงความชื่นชอบในทีมด้วยการสักลวดลายเกี่ยวกับทีมโปรดหรือทีมประจำเมืองไว้ ทั้งแบบรูปภาพและข้อความ

ตอนนี้เหล่าแฟนพันธุ์แท้เอ็นบีเอได้เริ่มต้นแนวทางใหม่ในการแสดงให้เห็นว่าพวกเขารักหรือชอบใครด้วยการสักรูปผู้เล่นรายนั้น ๆ ลงบนร่างกาย และคนที่มีชื่อเสียงในการสักภาพเหมือนจริงจนถูกเรียกว่าราชาในปัจจุบันคือชายที่ชื่อ สตีฟ บุทเชอร์

ตัวสตีฟ บุชเชอร์นั้นเข้าสู่วงการช่างสักเมื่อ 7-8 ปีที่แล้วหลังเรียนจบด้านศิลปะ และเริ่มต้นสร้างชื่อในการสร้างสรรค์งานภาพเหมือนจริงทั้งคนและภาพถ่ายตั้งแต่นั้น โดยมีพื้นฐานสำคัญคือการที่เขาเป็นคนวาดภาพสีน้ำมันได้สวยงามเหมือนจริงมาก

บุทเชอร์เริ่มต้นเรื่องราวการเป็นคนวาดภาพตั้งแต่ 7 ขวบ โดยรูปภาพแรกที่เขาวาดคือเรื่องดราก้อนบอล แซด การ์ตูนขวัญใจเด็กจากญี่ปุ่น ก่อนจะตกหลุมรักในการวาดรูปและเลือกเดินทางสายนี้อย่างจริงจังด้วยการเข้าเรียนในวิทยาลัยด้านศิลปะไวท์คลิฟฟ์ และจบระดับปริญญาตรีจากสาขา Fine Art ซึ่งเป็นสาขาที่ไม่ได้ปิดกั้นการผลิตผลงานศิลปะว่าต้องมีรูปแบบใด ดังนั้นเมื่อถูกชักชวนให้ลองทำงานเกี่ยวกับการเป็นช่างสัก บุทเชอร์ก็กล้าที่จะเปิดใจและเข้าไปลองเรียนรู้

โชคดีที่บุทเชอร์ได้มีโอกาสทำงานกับช่างสักฝีมือดีระดับโลกหลายราย บวกกับความสามารถในการวาดภาพได้เหมือนจริงมาก ทำให้ชื่อเสียงของบุทเชอร์ถูกบอกกล่าวกันต่อ ๆ ไปจนมีชื่อเสียงรู้จักกันในระดับโลก

บุทเชอร์ หรือที่รู้จักกันในฉายา ‘The Kiwi’ เพราะเจ้าตัวเกิด เรียนและทำงานศิลปะอยู่ในเมืองโอ๊คแลนด์ของนิวซีแลนด์ ที่ซึ่งห่างไกลจากสนามแข่งขันบาสเกตบอลเอ็นบีเออย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของฉายา เดอะ กีวี่ก็เป็นที่หมายปองของบรรดาแฟนบาสเกตบอลชาวอเมริกันที่จะบินข้ามน้ำข้ามทะเลมายังนิวซีแลนด์เพียงเพื่อให้เขาสักรูปนักบาสเกตบอลคนโปรดไว้ตรงส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งด้วยฝีมือระดับบุทเชอร์แล้ว ภาพเหล่านี้เหล่าสาวกพันธุ์แท้ย่อมยินดีที่จะอวดคนไปทั่ว

รูปภาพงานสักของบุทเชอร์ไม่เพียงแต่ไปปรากฏสู่สายตาแฟนบาสเกตบอลเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้งานของเขามีชื่อเสียงและถูกยกให้เป็นราชางานสักแบบนี้นั่นก็เพราะสื่อโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ รวมถึงเว็บไซต์บาสเกตบอลทั่วโลกออนไลน์ มักนำภาพที่เกิดจากการลงเข็มของเขาขึ้นจออยู่เสมอ ทำให้ชื่อเสียงของเขาดังขึ้นจนอยู่เหนือใคร ๆ

ในการสร้างสรรค์งานหนึ่งชิ้นของบุทเชอร์ถือว่าเป็นการต่อสู้ที่ทรหดมากทั้งคนสักและคนถูกสัก เพราะแต่ละภาพใช้เวลาอย่างน้อย ๆ 17-18 ชั่วโมงเพื่อให้ได้ภาพที่สวยสมจริง

บุทเชอร์เล่าว่าการสักลายก็คือการระบายออกถึงแรงผลักดันในตัวของคนแต่ละคน ในฐานะศิลปินเขาคือที่ตอบสนองความสนใจของลูกค้าและสร้างความสุขร่วมไปพร้อมกัน เพราะนับตั้งแต่วันแรกที่เขาไปสักรูปภาพบนร่างกายตัวเอง เขาก็รู้ว่าหัวใจของงานนี้คืออะไร มันคือส่วนผสมของความพึงพอใจและความสุขของทั้งสองฝ่าย

เจ อาร์ สมิธ ผู้เปลี่ยนรอยสักให้กลายเป็นเงินตรา

ในวงการเกมยัดห่วงอย่างบาสเกตบอลเอ็นบีเอในยุคปัจจุบันนี้ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักนักบาสเก็ตบอลที่มีนามว่า เจอาร์ สมิธ ผู้ซึ่งเป็นมือยิงสามแต้มอารมณ์ศิลปินประจำทีม คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ทีมรองแชมป์ล่าสุดของ เอนบีเอ ปี 2018 และยังเป็นผู้เล่นบาสเก็ตบอลที่มีความชื่นชอบ จนถึงเกิดความหลงไหลในการสักเป็นชีวิตจิตใจ จนทำให้ร่างกายเต็มไปด้วยรอยสักที่สวยงามมากมายรอบตัว

โดยในอดีตนั้น เจอาร์ สมิธ ได้เล่นบาสเก็ตบอลให้กับทีมโรงเรียน Saint Benedict’s Preparatory School ในรัฐนิวเจอร์ซี่ย์ จนกระทั่งในปี 2004 ได้ทำการลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเข้าสู่วงการบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอด้วยการดราฟท์ค้นหาตัวผู้เล่นหน้าใหม่ของเอ็นบีเอในปีนั้น และด้วยฝีไม้ลายมือในการการยิงสามแต้มที่หาตัวจับได้ยาก ทำให้ทีม New Orleans Hornets หรือทีม New Orleans Pelicans ที่เป็นชื่อใหม่ในปัจจุบัน ได้เลือกผู้เล่นมือฉกาจหน้าใหม่รายนี้เข้าเข้าร่วมทีม ซึ่งต่อมาภายหลังได้กลายไปเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้แชมป์เอ็นบีเอกับทีม คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ ในปี 2016

นอกจากเรื่องฝีไม้ลายมือในวงการบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอที่ทุกคนได้ยอมรับนับถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว การออกแบบรอยสักที่คัดสรรมาสักไว้บนตัวก็ไม่แพ้กัน โดยรอยสักที่ เจอาร์ สมิธ ได้สักนั้นมีลวดลายหลากหลายรูปแบบที่เจ้าตัวเป็นคนออกแบบเองเกือบทุกรูปแบบทั่วร่างกาย แต่มีเพียงไม่กี่ลายเท่านั้นที่เป็นรอยสักที่เจอาร์ สมิธได้เลือกแบบมาจากที่อื่น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือรอยสักรูปเสื้อสีแดงหมายเลข 23 ของ ไมเคิล จอร์แดน จากทีม ชิคาโก บูลส์ ที่เป็นสัญลักษณ์ของนักบาสที่เก่งที่สุดในโลกและในดวงใจของเขาพร้อมทั้งยังมีตราสัญลักษณ์ของแอร์ จอร์แดน อันโด่งดังร่วมอยู่ด้วย

นอกจากนี้เมื่อได้มองเห็นว่ารอยสักของตัวเองมีความสวยงามและโดดเด่นแล้วจึงได้ทำการนำแบบรอยสักบนร่างกายไปสกรีนลงบนเสื้อเพื่อจัดวางจำหน่าย โดยได้จัดวางจำหน่ายในราคา 35 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,230 บาท ซึ่งผลลัพธ์ของยอดขายนั้นนับได้สูงถึง 35,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1 ล้าน 2 แสนบาท เท่ากับในการวางจัดจำหน่ายนั้น ขายเสื้อไปได้ถึง 1,000 ตัว

รอยสักบนร่างกายที่สวยงามสามารถเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเงินตราราวกับเป็นงานชิ้นเอกของศิลปินวาดภาพที่แฝงไปด้วยพลัง แม้ เจอาร์ สมิธ จะเป็นนักกีฬานักบาสเก็ตบอลและไม่ใช่ศิลปินนักวาดภาพ แต่ในการเล่นกีฬาทุกแขนงนั้น ได้แฝงไปด้วยศาสตร์ของศิลปะที่ซ่อนอยู่ในลีลาและแผนการเล่น จึงทำให้ความเป็นศิลปินภายในตัวของ เจอาร์ สมิธ นั้นได้ส่งผลลัพธ์ออกมาในรอยสักให้เห็นได้อย่างคาดไม่ถึง

 

เลอบรอน เจมส์ ราชาเอ็นบีเอกับรอยสักที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหมาย


ผู้เล่นบาสเก็ตบอลที่เข้ารอบชิงชนะเลิศมากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการบาสเก็ตบอลของยุคนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้ที่ได้รับฉายาว่า คิงส์ เจมส์ หรือในชื่อเต็มที่ทุกคนเรียกกันว่า เลอบรอน เจมส์ ผู้ซึ่งเป็นสุดยอดนักบาสเก็ตบอลที่มีฝีมือเก่งกาจและทรงพลังมากที่สุดคนหนึ่งในวงการบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ โดยนอกจากจะมีความสามารถในการเล่นบาสเก็ตบอลที่หาใครเทียมได้ยากแล้ว ยังมีรอยสักที่แฝงไปด้วยความหมายที่ยากจะมีใครเทียบได้อีกด้วย

จากเด็กน้อยในโรงเรียนมัธยม St. Vincent-St. Mary High School กลายมาเป็นนักบาสเก็ตบอลผู้ซึ่งอายุน้อยที่สุดในเอ็นบีเอ ที่สามารถทำแต้มได้สูงที่สุดถึง 40 แต้มในเกมส์การแข่งขันเพียงแค่เกมส์เดียวของฤดูกาลแรกที่ได้ลงแข่งขัน พร้อมทั้งยังได้รับรางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปีในปีเดียวกันนั้นอีกด้วย โดยในเวลาต่อมาได้กลายมาเป็นผู้สร้างสถิติใหม่ขึ้นมามากมายให้กับวงการบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ อีกทั้งยังได้วาดลวดลายของรอยสักที่มีความหมายบนร่างกายให้เป็นที่ชื่นชมทั่วไปทั้งโลก

รอยสักมากมายถูกลงมืออย่างประณีตไปทั่วเรือนร่างของราชาแห่งวงการบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ โดยในทุกลวดลายเหล่านั้นได้แฝงไปด้วยความหมายอันลึกซึ้งและเรียบง่าย ซึ่งเป็นเครื่องหมายเตือนใจให้นึกถึงเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา อาทิเช่น รอยสักที่จารึกไว้ตรงหัวไหล่ขวาว่า GLORIA ที่เป็นชื่อของแม่ผู้ให้กำเนิดของ เลอบรอน เจมส์ เป็นการแสดงความรักและให้เกียรติที่มีต่อแม่ของเขา หรือที่ช่วงท่อนแขนขวาที่มีคำว่า Akron 330 ที่เป็นสัญลักษณ์หมายถึงรหัสพื้นที่ของบ้านเกิดตัวของเขา เพื่อให้ตัวเองได้ระลึกเสมอว่าเติบโตมาจากที่ใหนและในแบบใด รวมทั้งยังมีรอยสักที่มีความหมายว่า “What we do in life” และ “echoes in eternity” อยู่ที่แขนทั้งสองข้างเมื่อนำมาประกอบกันจะมีความหมายว่า ในชีวิตหากได้ทำสิ่งใดไปสิ่งนั้นจะเป็นเสียงสะท้อนไปตลอดกาล เป็นความหมายอันลึกซึ่งที่มาจากหนังดังของเรื่อง Gladiator เป็นต้น

เรื่องราวที่ประทับใจกับความหมายของคนที่สำคัญได้ถูกหล่อหล่อมด้วยหยดหมึกมาจารึกบันทึกความรู้สึกที่ดีไว้บนร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับที่มาของผู้ที่ได้รับฉายาว่า คิงส์ เจมส์ ผู้ซึ่งได้หล่อหลอมฝีมือการเล่นบาสเก็ตบอลจากวัยเด็ก และได้ใช้ฝีมืออันเปี่ยมไปด้วยแสนยานุภาพนั้นปีนป่ายขึ้นมาในวงการบาสเก็ตบอล จนสามารถสร้างประวัติศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จไว้มากมาย ราวกับได้จารึกรอยสักที่ไม่มีวันจะเลือนหายไปจากวงการบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ

 

โคบี ไบรอันต์ นักบาสผู้เป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ผู้เล่นที่ดีที่สุด และรอยสักที่มีไว้สำหรับเตือนใจ


ประวัติศาสตร์ของวงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอถูกสร้าง จนเกิดเป็นเรื่องราวกล่าวขานมาอย่างยาวนาน และในเรื่องราวเหล่านั้น ยังได้ประกอบไปด้วยการกำเนิดสุดยอดผู้เล่นฝีมือดีขึ้นมาอย่างมากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ฮาคิม โอลาจูวอน, เมจิก จอห์นสัน และไมเคิล จอร์แดน รวมถึงผู้เล่นแห่งประวัติศาสตร์ที่แฟน ๆ บาสเกตบอลไม่อาจลืมได้อีกคนหนึ่งนั้น คือ โคบี ไบรอันต์ สุดยอดนักบาสเกตบอลแห่งทีมลอสแองเจอลิส ที่ได้ฝากความยอดเยี่ยมไว้ในวงการบาสเกตบอล ผู้ซึ่งมีรอยสักเอาไว้เพื่อเตือนจิตใจตัวเองเสมอ

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เป็นอีกหนึ่งสุภาษิตไทยแท้ กับความหมายที่กล่าวได้กับฝรั่ง และเกิดขึ้นจริง ๆ กับ โคบี ไบรอันต์ ผู้ซึ่งเป็นลูกชายของอดีตนักบาสเอ็นบีเอที่มือชื่อว่า โจ เยลลีบีน ไบรอัน ผู้เล่นตัวเก่งจากทีมฟิลาเดเฟีย โดยโคบี้ได้ก้าวเข้าสู่วงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอในปี 1996 จากการดราฟท์เข้าทีมของชาล็อต ฮอร์เนต อีกทั้งยังได้เป็นผู้เล่นที่ถูกจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ว่าเขากลายเป็นผู้เล่นตัวจริงที่มีอายุน้อยที่สุดในวงการบาสเกตบอลในช่วงเวลานั้น

หลังจากนั้นด้วยพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวเองอย่างล้นเหลือจึงทำให้เส้นทางชีวิตของโคบี้ได้ก้าวไปจนถึงจุดสูงสุดของวงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอได้อย่างสวยงาม ถึงแม้ว่าจะมีความยากลำบากในระหว่างการเดินทางก็ตาม โดยในระหว่างทางที่ยากลำบากนั้นมีสิ่งหนี่งที่เป็นเครื่องหมายเตือนใจให้ก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้า ใช่แล้วมันคือรอยสักทางแขนขวาอันทรงพลังแห่งความรัก ที่จารึกไว้ว่า Vanessa ซึ่งเป็นชื่อของภรรยาของเขาที่ได้โอบอุ้มไว้ให้มีพลังลุกก้าวเดินต่อไป และเหนือชื่อของภรรยานั้นยังปรากฏรอยสักรูปมงกุฎที่มีลักษณะคล้ายผีเสื้อที่กำลังโบยบิน พร้อมทั้งยังปรากฏรอยสักมงกุฎของนางฟ้าที่สยายปีกอยู่ด้านล่างของชื่ออยู่ด้วยกัน ซึ่งในความหมายของทั้งสองภาพนั้นเป็นสิ่งเตือนใจอีกอย่างหนึ่งในชีวิตหลังจากที่มีคดีการข่มขืนผู้หญิงที่รัฐโคโลราโด

โดยในคดีข่มขืนนั้น โคบี ไบรอันต์ ได้พ้นข้อหาหลังจากมีการพิสูจน์ในกระบวกการตรวจสอบคดี แต่ฝ่ายโจทย์ไม่ยอมให้พิสูจน์หลักฐาน จึงทำให้ โคบี้ ได้พ้นโทษในคดีข่มขืนและทำการยอมความตามกระบวนการทางแพ่งในเวลาต่อมา จากนั้นเมื่อได้พ้นจากคดีที่ส่งผลกระทบและสูญเสียต่อชีวิตรอบด้านอย่างมากแล้ว โคบี้ได้เดินทางไปสักภาพที่ตั้งใจไว้เพื่อเป็นสิ่งที่ทำให้ระลึกถึงและคอยเตือนใจไม่ให้เหตุการณเหล่านั้นเกิดขึ้นอีก ราวกับเป็นรอยสักของบทบัญญัติที่ถูกสลักไว้ให้เป็นบทเรียนที่ไม่มีวันลืม

 

ไคลี่ เออร์วิง ผู้จารึกรอยสักของสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ


31 แต้ม และสกอร์ 14 แอสซิสต์ คือตัวเลขของผู้เล่นบาสเก็ตบอลที่ทำสถิติในการแข่งขันบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ ออลสตาร์ ปี 2014 ได้อย่างถล่มทลาย และยังเป็นผู้ที่ได้รับรางวัลผู้เล่นผู้ทรงคุณค่าหรือเอ็มวีพีไปครองในปีนั้นอีกด้วย ซึ่งผู้เล่นคนนั้นก็คือ ไคลี่ เออร์วิง การ์ดดาวรุ่งหน้าใหม่จากคลีฟแลนด์ คาวาเลียร์สในปีนั้น โดยในปัจจุบันได้ย้ายมาเป็นผู้เล่นที่ขาดไม่ได้ให้กับทีมบอสตัน เซลติกส์ พร้อมกับรอยสักที่เป็นตัวแทนของมิตรภาพบนโลกใบนี้

รางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี 2011-12, รางวัลผู้เล่นผู้ทรงคุณค่าหรือเอ็มวีพีในการแข่งขันออลสตาร์ปี 2014 และรางวัลแชมป์กีฬาบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอปี 2015-16 กับทีมคลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส เป็นสามรางวัลอันยิ่งใหญ่ในวงการบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอที่ ไคลี่ เออร์วิง สามารถพิชิตไปครองได้ โดยความหมายของถ้วยรางวัลเหล่านั้นคือเครื่องหมายที่พูดถึงระดับฝีมือ ที่เปรียบได้ว่าเป็นฝีมือระดับขั้นสูงในวงการบาสเก็ตบอล เหมือนกับรอยสักที่สามารถเปรียบได้ว่าเป็นเครื่องหมายของรางวัลภายในจิตใจ

หยดหมึกที่ถูกบรรเลงเป็นงานศิลปะอยู่ทั่วทั้งร่างกายของไคลี่ เออร์วิง เปรียบได้กับถ้วยรางวัลชีวิตอันล้ำค่าที่สามารถพิชิตมาได้ในแต่ละฤดูกาลแข่งขัน แต่ในทุกถ้วยรางวัลที่สามารถพิชิตและคว้ามาได้เหล่านั้นมีเพียงถ้วยรางวัลเดียวที่เป็นที่สุดในทุกถ้วยรางวัลชีวิต คือถ้วยรางวัลที่มีรอยสักคำว่า F.R.I.E.N.D ที่แปลว่า เพื่อน โดยไคลี่ได้อธิบายความหมายของรอยสักนี้ว่า ในทุกครั้งที่ได้ลงแข่งขันบาสเก็ตบอล สิ่งที่ได้รับมานอกเหนือจากถ้วยรางวัลและสถิติการทำแต้มหรือคะแนนในด้านต่าง ๆ แล้ว คำว่าเพื่อนยังคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้รับตามมาหลังจากจบเกมส์การแข่งขันในทุกครั้งอีกด้วย ซึ่งรอยสักนี้ได้ถูกสลักไว้ที่แขนด้านซ้ายของเขา และในทุกครั้งที่เขาได้มองไปยังที่แขนด้านซ้ายของตัวเองจะทำให้เขาได้ระลึกเสมอว่า การแข่งขันที่กำลังแข่งอยู่นั้นเป็นการแข่งขันที่กำลังสร้างมิตรภาพให้เกิดขึ้นได้ด้วยการแข่งขันกีฬา

เพื่อน มิตรภาพ ชีวิต คือองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ในการที่จะมีชีวิตอยู่ การได้เพื่อนที่ดีก็จะตามมาด้วยมิตรภาพที่ดีและก็ชีวิตที่ดี โดยทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ ไคลี่ เออร์วิง ได้ยึดถือเป็นหลักในการใช้ชีวิต และถึงแม้ว่าผู้คนมากมายจะบอกว่ารูปลักษณ์ของรอยสักนี้เป็นเพียงแค่ตัวอักษรธรรมดาที่ได้ถูกสลักลงไปและไม่โดดเด่น แต่สำหรับ ไคลี่ เออร์วิง แล้ว แม้รอยสักนั้นจะธรรมดา แต่ความหมายของมันนั้นกับงดงามกว่าทุกรอยสักในร่างกายของเขา

 

เดเมียน ลิลลาร์ด กับรอยสักจากพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์


ถ้อยคำล้วนสื่อความหมายและรูปภาพต่างร้อยเรื่องราวช่วยเติมเต็มข้อความนั้น ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะนานนับพันปีหรือพึ่งเกิดขึ้นในเมื่อวาน ล้วนถูกถ่ายทอดผ่านทั้งสองสิ่งนี้เสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ เดเมียน ลิลลาร์ด ผู้เล่นบาสเกตบอลแถวหน้าของเอ็นบีเอ จากทีมพอร์ทแลนด์ ได้ตระหนักถึงความหมายของข้อความจากบันทึกในอดีตที่ถูกเขียนขึ้นมากว่าหลายพันปี จึงได้นำข้อความเหล่านั้นมาสลักจารึกไว้เป็นรอยสักที่แทนความหมายของความเชื่อในบทบันทึกที่เรียกกันว่า “พระคัมภีร์” หรือในอีกนัยยะหนึ่งที่มีความหมายว่า “พระวาจาของพระเจ้า”

เดเมียน ลิลลาร์ด คือ นักบาสเกตบอลจากมหาวิทยาลัย Weber State Wildcats ที่ได้รับการดราฟท์เป็นคนที่ 6 ในปี 2012 โดยเป็นการเลือกจากทีมพอร์ทแลนด์ เทรเบรลเซอร์ ซึ่งต่อมาหลังจากได้เข้าสู่วงการบาสเกตบอลเอ็นบีเออย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยความสามารถที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดราวกับพรสวรรค์ เขาได้ทำให้มันถูกระเบิดออกมาตั้งแต่ในปีแรกอย่างเฉิดฉาย จนทำให้ได้รับรางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี นับตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาเล่นในศึกเอ็นบีเอ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน

ความสามารถ พรสวรรค์ มาพร้อมกับความเชื่อที่อยู่ภายในจิตใจ โดย เดเมียน ลิลลาร์ด มีความเชื่อที่ได้ฝากเอาไว้กับศาสนาคริสต์ที่ตนเองนับถือมาอย่างช้านาน จึงได้นำข้อความที่มีความน่าสนใจในบทความของพระคัมภีร์หรือที่เรียกกันว่าพระวาจาของพระเจ้ามาสักลงบนร่างกายที่แขนด้านซ้าย ซึ่งข้อความที่ได้นำลงมาสักนั้นเป็นข้อความของบทสดุดีที่ 37 ที่ได้เขียนไว้ว่า เมื่อศรัทธาไม่ละเมิดผิด จิตใจปลูกฝังความสัตย์ซื่อ สิ่งปรารถนาจะบรรลุผล เป็นข้อความที่มีความหมายว่าหากบุคคลใดได้เลือกเส้นทางใดก็ตามที่ไม่อยู่ในความบาปผิดหรือกระทำผิดแล้ว พร้อมทั้งยังเต็มไปด้วยการใช้ชีวิตแบบซื่อสัตย์ในทุกการกระทำ ทุกสิ่งที่ได้ทำและทุก ๆ เรื่องเหล่านั้นจะทำให้ชีวิตประสบผลสำเร็จ และด้วยความหมายอันลึกซึ้งเหล่านี้ได้ถูกนำมาสถิตเป็นบทสอนรอยสักที่สลักตราตรึงไว้ให้เป็นหลักสำคัญในการใช้ชีวิตของเขา จึงทำให้ผลงานที่เกิดขึ้นในสนามศึกบาสเกตบอลเอ็นบีเอของเขาได้ถูกตราตรึงไปไว้ในหัวใจของทุกคนเช่นกัน

มีผู้เล่นมากมายที่มีความสามารถ แต่มีผู้เล่นไม่กี่รายเท่านั้นที่จะมีความเชื่อ ซึ่งลิลลาร์ดเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เต็มไปด้วยความเชื่อเหล่านั้น จึงทำให้ความเชื่อได้กลับกลายมาเป็นพลังการเล่นที่ยอดเยี่ยมและแม่นยำจนสามารถทำแต้มได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์เอ็นบีเอในการแข่งขันเพียงเกมส์เดียว

 

สตีเฟน เคอร์รี่ สุดยอดราชา 3 แต้มของวงการบาสเกตบอลที่มีรอยสักชิ้นเอกเพียงแค่ชิ้นเดียวบนร่างกาย


การยิงสามแต้มเป็นการยิงระยะไกลที่ยากที่สุดในการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล เนื่องจากจะต้องใช้แรงส่งลูกที่มากขึ้นกว่าเดิมในการยิงจากเส้นเขตแดนไกล พร้อมทั้งยังต้องใช้แรงที่มากขึ้นในการควบคุมการส่งออกลูกไปยังห่วงอีกด้วย ดังนั้นมันไม่ง่ายเลยที่จะทำแต้มด้วยการยิงสามแต้มในระยะไกลเป็นตัวชี้ชะตา แต่สำหรับ สตีเฟน เคอร์รี่ แล้วการยิงสามแต้มสำหรับเขา เป็นการทำแต้มที่มีไว้เพื่อชี้ทุกโชคชะตา

สตีเฟน เคอร์รี่ หรือ เคอร์รี่ เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของอดีตนักบาสเกตบอลเอ็นบีเอชื่อดัง เดล เคอร์รี่ โดยได้เริ่มเล่นบาสเกตบอลอยู่บ้างในสมัยเรียนมัธยม จึงทำให้ไม่มีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อในเรื่องของบาสเกตบอลที่ไหนให้ความสนใจในตัวเคอร์รี่ เมื่อทำการคัดตัวนักกีฬา เหตุผลเพราะว่าไม่ได้มีฝีมือโดดเด่นในเรื่องใหนนอกจากการยิงสามแต้ม พร้อมทั้งยังมีรูปร่างที่ผอมบางและไม่สูงนัก ดังนั้นเคอร์รี่ จึงได้เลือกมหาวิทยาลัย Davidson College ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงในเรื่องของบาสเกตบอลและแชมป์บาสเกตบอลมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี 1969 แต่หลังจากนั้นเมื่อเข้าไปสู่ในระดับมหาวิทยาลัยเคอร์รี่ ได้ทุ่มเทในการเล่นบาสเกตบอลมากขึ้น จนสามารถเป็นผู้เล่นที่ทำสถิติคะแนนสูงสุดของมหาวิทยาลัยได้ถึง 2,635 คะแนน ยิงสามแต้มมากที่สุด 414 แต้ม และ ทำแต้มเกิน 30 แต้มได้ถึง 30 เกมส์ และเกิน 40 แต้มถึง 6 เกมส์ ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน จึงทำให้เข้าสู่วงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอได้ในปี 2009 และได้กลายมาเป็นราชาสามแต้มแห่งวงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอในปัจจุบัน

ทั้งการเล่นบาสเกตบอลและนิสัยส่วนตัวของ สตีเฟน เคอร์รี่ และการใช้ชีวิตส่วนตัวนอกสนามของเขาเปรียบได้กับการปฏิบัติแบบสุภาพบุรุษ จึงทำให้ในร่างกายของเขานั้นไม่ค่อยจะมีรอยสักในร่างกายสักเท่าไหร่ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเลย เพราะว่าในร่างของเขานั้นยังคงมีรอยสักอยู่หนึ่งรอยสักที่สำคัญ ซึ่งมีความหมายแทนสิ่งสำคัญในความรัก โดยในรอยสักที่ได้สักนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่มีตัวอักษรว่า A ที่เป็นอักษรย่อชื่อภรรยาของเขาที่มีชื่อเต็มว่า Ayesha ซึ่งได้สลักจารึกไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย เป็นเครื่องหมายแทนแหวนแต่งงานวงจริง เนื่องจากกฎการแข่งขันของเอ็นบีเอนั้นห้ามไม่ให้ผู้เล่นคนใดส่วนแหวนหรือเครื่องประดับอื่น ๆ ในการแข่งขัน ดังนั้นรอยสักหนึ่งเดียวของเคอร์รี่ จึงเป็นสิ่งแทนใจของความรักที่มีให้ต่อภรรยาของเขาอย่างมากมาย

สำหรับภรรยาหรือผู้หญิงทั่วทั้งโลกแล้วคงเป็นเรื่องที่ดีใจไม่น้อยหากมีคนที่รักได้ทำแบบนี้ให้กับเธอ และรอยสักหนึ่งเดียวที่อยู่บนร่างกายของเคอร์รี่ นั้นเป็นการสักและการปฏิบัติที่เหมาะสมกับเจ้าของตำแหน่งราชาสามแต้มแห่งวงการบาสเกตบอลเป็นที่สุด

 

คาร์เมโล่ แอนโธนี่ รอยสักนี้เพื่อจุดเริ่มต้น


คาร์เมโล่ แอนโธนี่ หรือในวงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอเรียกันสั้น ๆ ว่า เมโล เป็นนักการบาสเกตบอลที่มีความสามารถในการเข้าบุกเพื่อทำแต้มได้ในหลายรูปแบบ พร้อมทั้งยังเป็นผู้เล่นคนสำคัญ ที่สามารถทำแต้มใด้สูงในการแข่งขันแต่ละเกมส์อีกด้วย และด้วยการเล่นที่สามารถทำแต้มได้อย่างมากมาย จึงทำให้ได้รับโอกาสติดทีมชุดออลสตาร์ถึง 6 ครั้ง และได้ถูกเลือกให้เข้าร่วมทีมชาติสหรัฐอเมริกาลุยศึกบาสเกตบอลโอลิมปิกฤดูร้อนที่กรุงปักกิ่งปี 2008 ประเทศจีนอีกด้วย

มหาวิทยาลัย Syracuse Orange เป็นมหาวิทยาลัยที่เมโลได้ลงเล่นบาสเกตบอลในระดับมหาวิทยาลัยนานาชาติเป็นครั้งแรก และได้นำทัพตลุยยัดห่วงจนสามารถคว้าแชมป์รายการแข่งขันนี้ ที่ในปัจจุบันเรียกว่า NCAA มาครองได้ในปี 2003 พร้อมทั้งยังได้ตำแหน่งผู้เล่นยออดเยี่ยมอีกด้วย ก่อนที่จะถูกเลือกเป็นคนที่ 3ในการดราฟท์ตัวผู้เล่นเข้าสู่ศึกเอ็นบีเอโดยทีมเดนเวอร์ นักเก็ตส์ ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับ เลบรอน เจมส์ ที่ถูกเลือกเข้าทีมคลีฟแลนด์ ในปี 2003

รอยสักสำหรับ เมโลนั้นเป็นเหมือนกับส่วนหนึ่งของร่างกายที่จำเป็นต้องมีสลักติดตัวไว้ เพราะว่ามันเป็นเหมือนกับการเพิ่มพลังที่ทำให้จิตใจมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และทำให้ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคนานานับประการ อีกทั้งในเวลาที่รู้สึกหมดกำลังใจรอยสักจะปลุกให้เขาลุกขึ้นกลับมาอีกครั้ง โดยรอยสักที่เมโลชอบมากที่สุดในตัวคือรอยสักที่มีรูป WB ล้อมด้วยกรอบสามเหลี่ยมมีลักษณะคล้ายกับโลโก้วอร์เดอร์ บราเดอร์บนไหล่ซ้าย ซึ่งเป็นอักษรย่อของคำที่มีความหมายว่า West Baltimore หรือนัยอีกนัยยะหนึ่งคือชื่อสถานที่ตั้งของบ้านเกิด ที่เมโลได้เริ่มต้นการเล่นบาสเกตบอลที่นั่น และทุกครั้งที่เจอสถานการณ์ยากลำบาก เมโลจะใช้จุดเริ่มต้นที่สถิตย์ไว้ที่ไหล่ซ้ายจุดนั้นผลักดันตัวเขาให้กลับมาอยู่ในเส้นทางอีกครั้งเพื่อก้าวต่อไป อีกทั้งนอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเล่นบาสเกตบอลแล้ว ยังคงเป็นจุดเริ่มต้นในการใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่ต้องฝ่าฟันของเมโลในทุก ๆ ด้านอีกด้วย

และด้วยความหมายที่เป็นแรงผลักดันในชีวิต ที่ไม่เคยคิดย่อท้อต่อสถานการณ์ยากลำบาก จึงทำให้เมโลสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักบาสเกตบอลที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์เอ็นบีเออันดับที่ 2 ที่สามารถยัดห่วงทำแต้มได้มากกว่า 30 คะแนนในหนึ่งเกมส์ จากการเล่นมาเพียง 6 เกมส์เท่านั้น โดยอันดับที่หนึ่งเป็นของโคบี้ ไบรอัน ที่ในเวลานั้นมีอายุเพียงแค่ 19 ปี 151 วัน ซึ่งหลังจากนั้นได้กลายมาเป็นนักบาสเกตบอลชื่อดั งและเป็นตำนานสำหรับวงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอในเวลาต่อมา