เยอโรม บัวเต็ง รอยสักแห่งคำภาวนา

หลายครั้งที่รอยสักแสดงถึงตัวตน รวมถึงเอกลักษณ์ของผู้ที่สัก และอีกหลายครั้งได้แสดงถึงความรักที่มีต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัว แต่นอกเหนือจากนี้ รอยสักยังมีความหมายสำหรับบางคนในอีกแง่มุมของความต้องการ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นแง่มุมของความศรัทธา ที่สถิตอยู่ที่แขนข้างซ้ายของนักเตะอย่าง เยอโรม บัวเต็ง

เยอโรม บัวเต็ง เป็นนักฟุตบอลที่มีสองสัญชาติ และสามารถจะเลือกติดทีมชาติใดก็ได้ หากถูกเรียกตัวจากทีมชาตินั้น ซึ่งได้แก่ทีมชาติเยอรมันและทีมชาติกานา แต่ตัว บัวเต็ง มีเพียงทีมชาติเดียวเท่านั้นที่เป็นจุดมุงหมายสูงสุดในชีวิต โดยจุดเริ่มต้นในอาชีพนักฟุตบอลลีกอาชีพของเยอโรม บัวเต็ง ก่อนที่จะติดทีมชาติ ได้เริ่มต้นด้วยการเป็นนักเตะชุดเยาวชนของทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุน เป็นทีมแรก และได้ทำการย้ายไปอยู่กับทีมเยาวชนของแฮธ่า เบอร์ลิน จนถึงอายุ 19 ปี จนได้เลื่อนขึ้นมาเป็นนักเตะชุดใหญ่ของทีมแฮธ่า เบอร์ลิน ในปี 2007 เพียงปีเดียวเท่านั้น เพราะต่อมาทีมฮัมบูร์ก ทีมจากลีกบุนเดสลีกา ในลีกเดียวกัน ได้ซื้อตัวไปร่วมทัพ เนื่องจากบัวเต็งไม่ต้องการที่จะทำสัญญาระยาวกับสโมสรแฮธ่า เบอร์ลิน ที่เสนอมาถึง 5 ปี และในปีเดียวกันนั้นเอง เป็นปีที่บัวเต็งตัดสินใจสักรอยสักรูปพระแม่มารีไว้ที่แขนขวา เพื่อเป็นเครื่องหมายของการภาวนาด้วยความศรัทธาสำหรับตัวเอง พร้อมทั้งเป็นคำภาวนาที่จะทำให้ไปถึงจุดหมายได้ในสักวันหนึ่ง จากนั้นเมื่อได้ย้ายไปอยู่ทีมฮัมบูร์ก ด้วยรูปแบบการเล่นอันแข็งแกร่งของปะการหลังรายนี้ ทำให้ไปเข้าตากับทีมมหาเศรษฐีในเวทีพรีเมียร์ลีกอย่างแมนเชสเตอร์ซิตี้ และได้จรดปากกาเข้าร่วมทัพเรือใบในปี 2010 โดยอยู่เล่นให้กับเรือใบสีฟ้าถึง 11 ปี หลังจากนั้นเสือใต้แห่งเยอรมัน บาเยินมิวนิค ได้ทำการซื้อตัวเยอโรม บัวเต็ง กลับมาพิชิตแชมป์หลายสมัยในศึกบุนเดสลีกาที่เยอรมันอีกครั้ง

ด้วยการเป็นประการหลังที่แข็งแกร่งในแบบที่คู่ต่อสู้จะผ่านได้ยาก ทำให้เยอโรม บัวเต็ง ได้ติดทีมชาติ เยอรมันชุดเยาวชนมาตั้งแต่อายุ 17 โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่ และด้วยการพัฒนาในการเล่นอย่างต่อเนื่องทำให้เยอโรม บัวเต็ง ได้ถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2010 สำหรับศึกฟุตบอลโลก นั่นหมายความว่าจุดมุ่งหมายสูงสุดได้สำเร็จลงแล้ว เหมือนกับว่ารอยสักที่ได้สักไว้เพื่อเป็นเครื่องหมายของคำภาวนาในชีวิตของ เยอโรม บัวเต็ง ได้ทำให้การเดินทางที่เฝ้ารอมานานได้มาถึงจุดหมาย

และนอกจากนี้ในฟุตบอลโลกปี 2018 ที่กำลังจะมาถึง เยอโรม บัวเต็ง ในวัย 29 ปีได้มีรายชื่อติดทีมชาติเยอรมันไปตลุยศึกฟุตบอลบอลโลกที่รัสเซียอีกด้วย หรืออาจเป็นเพราะคำภาวนาด้วยความศรัทธาที่มีต่อรอยสักรูปพระแม่มารีที่ได้นำมาสถิตย์บนแขนขวาในวันนั้น ทำให้ บัวเต็ง ได้มีโอกาสรับใช้ชาติในนามทีมชาติเยอรมันอีกครั้งในวันนี้

 

ดาเนียล เด รอสซี่  รอยสักนี้เพื่อลูก

เด รอสซี่ นักฟุตบอลสัญชาติอิตาลี ผู้ซึ่งติดทีมชาติมากที่สุดในโลก และยังเป็นนักเตะเจ้าของรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศอิตาลีอีกด้วย ด้วยแนวทางการเล่นฟุตบอลที่เรียกได้ว่าเป็นจอมโหดขาประจำบนสนาม ใครเลยจะคิดว่ามีรอยสักลายการ์ตูนเทเลทับบี้ สักอยู่บนแขนนักเตะขาโหดแบบนี้ได้

จากดาวรุ่งที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2006 กับทีมชาติอีตาลี และได้รับตำแหน่งนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ ลีกกัลโซ่ ซีเรียอา ลีกสุดของประเทศอีตาลีในปีเดียวกัน เด รอสซี่ เป็นนักเตะที่ไม่เคยย้ายสโมสรเลยนับตั้งแต่ได้เล่นให้กับสโมสร โรม่า  มาตั้งแต่เยาวชน โดยได้มีโอกาสลงเล่นให้กับทีม โรม่า ชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ ในการพบกับทีมจากเบลเยียม แต่หลังจากนั้นยังไม่มีโอกาสได้ลงเล่นบ่อยครั้ง เนื่องจากในยุคนั้นเป็นยุคของนักเตะชื่อดังที่มีอยู่ในทีมมากมาย ทำให้ ฟาบิโอ คาเปลโล่ นายใหญ่ของทีมหมาป่าไม่ได้ให้โอกาสกับ เด รอสซี่ บ่อยนัก จนกระทั่ง ฟาบิโอ คาเปลโล ตัดสินใจอำลาถิ่นหมาป่าไปอยู่กับทีมม้าลายอย่างยูเวนตุส ทำให้เด รอสซี่ มีโอกาสมากขึ้นในการลงสนามในตำแหน่งกองกลางด้วยวัย 21 ปี และหลังจากนั้นเด รอสซี่ ได้บอกกับทุกคนในการให้สัมภาษณ์ว่า จะไม่มีการย้ายไปยังสโมสรอื่นใด เพราะต้องการอยู่ถิ่นหมาป่า เป็นราชาที่นี่เหมือนอย่างกับต๊อตติ ราชานักเตะผู้เป็นตำนานของสโมสรโรม่า

ด้วยแนวทางการเล่นที่เป็นจอมโหดแห่งวงการลูกหนังอีตาลี ที่บางครั้งก็สติหลุดจนถึงตบหน้าคู่แข่งขัน หรือแม้บางครั้งการเล่นที่เข้าหนักแบบถึงลูกถึงคนจนได้รับฉายาว่าจอมโหดประจำสนาม แต่สิ่งที่เห็นนั้นไม่ได้หมายถึงตัวตนทั้งหมดที่ได้แสดงออกมา เพราะด้วยเรื่องรอยสักแล้วเด รอสซี่ กับมีอารมณ์ของความน่ารักที่แอบซ่อนอยู่ภายในใจ เนื่องด้วยแขนขวาของ เด รอสซี่ ได้มีการสักรูปตัวการ์ตูนเทเลทับบี้สีเหลืองเอาไว้ ซึ่งบนตัวเทเลทับบี้นั้นมีรูปหัวใจอยู่ที่ท้องและมีตัวอักษรที่ได้เขียนชื่อลูกสาวของตนเองไว้ว่า กาญ่า อยู่ตรงกลางตรงหัวใจ พร้อมทั้งกำลังก้มดูเงาตัวเองในลำธารและมีจุกดูดนมปลอมสำหรับเด็กทารกไว้อีกด้วย ทั้งนี้ เด รอสซี่ กล่าวว่ารอยสักนี้เป็นรอยสักที่ทำเพื่อลูกสาวที่ได้ชื่นชอบในตัวการ์ตูนตัวนี้  และทุกครั้งที่ตนเองได้เห็นตัวการ์ตูนตัวนี้มักจะทำให้นึกถึงลูกสาวของตนเองในทุกครั้ง

นอกจากรอยสักที่มีความน่ารักซ่อนอยู่ในตัวแล้ว เด รอสซี่ ยังได้สักรูปห้ามเข้า ป้องกันโดยการสกัดที่ขาแบบรุนแรงไว้ที่ขาขวา เพื่อเป็นการบอกให้ทุกคนทราบว่า ถ้าหากใครเข้าทำการป้องกันที่รุนแรงจนเกินไป จะไม่มีทางได้รับความปรานีจากตนเองอย่างแน่นอน ทำให้รอยสักที่อยู่บนตัวของ เด รอสซี่ ยังคงมีการเล่าเรื่องราวที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองอยู่ด้วยในฐานะจอมโหดแห่งกรุงโรม ราชาหมาป่าคนใหม่ และชายที่มีรอยสักเพื่อลูกรวมอยู่ด้วยกัน

 

ราอูล เมยเรเรส รอยสักแห่งความรัก

ราอูล เมยเรเลส นักเตะผู้เป็น ฮิปเสตอร์ ไอคอลแห่งวงการฟุตบอล ดีกรีกองกลางทีมชาติโปรตุเกส และอดีตนักเตะหงส์แดงลิเวอร์พูลกับเชลซี สองยักษ์ใหญ่แห่งเวทีพรีเมียร์ลีก ผู้ซึ่งหลงรักรอยสักมาตั้งแต่อายุ 18 จนปัจจุบันเรือนร่างของนักเตะรายนี้ไม่เหลือที่ให้สักเพิ่มอีกแล้ว

ราอูล เมยเรเรส หรือชื่อเต็มว่า ราอูล โจเซ่ ตรินดาเด เมยเรเรส นักฟุตบอลกอลกลางชาวโปรตุเกส ผู้ซึ่งได้เล่นกับทีมชาติมาแล้วมากกว่า 50 นัด โดยเริ่มค้าแข้งในวงการฟุตบอลกับทีมโบวิสตา ซึ่งเป็นทีมในบ้านเกิดของตัวเอง ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับทีมเดปอติวอ อาเวส ด้วยสัญญาการยืมตัวเป็นระยะเวลา 3 ปี และได้กลับมาอยู่กับทีมโบวิสตา เมื่อสัญญาการยืมตัวหมดลง ซึ่งในปีเดียวกันนั้นทีมเอฟซี ปอโต้  ยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลโปรตุเกสได้ตัดสินใจตกลงทำสัญญาซื้อตัวนักเตะกองกลางพรสวรรค์รายนี้เข้าร่วมทีม หลังจากนั้นด้วยความสามารถในการเล่นกองกลางที่ทำให้รูปแบบการเล่นของทีมมีสีสันมากขึ้นทั้งในการเล่นฟุตบอลให้กับทีมสโมสรและทีมชาติทำให้ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ได้ตัดสินใจกระชากกองกลางพรสวรรค์รายนี้มาจากทีมเอฟซี ปอโต้ เข้ามาร่วมทีมในฤดูกาล 2011 แต่อยู่ได้เพียง 1 ปีก็ได้ถูกซื้อตัวไปโดยทีม สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี  ด้วยการทำสัญญา 4 ปี และในปี 2016 ราอูล เมยเรเรส ได้ย้ายไปค้าแข้งให้กับทีม เฟเนบาเช่ ยักษ์ใหญ่แห่งตุรกีซึ่งเป็นทีมสุดท้ายในการค้าแข้งในฐานะนักฟุตบอลอาชีพจนอำลาวงการฟุตบอล

หลังจากอำลาวงการฟุตบอล ราอูล เมยเรเรส ยังคงเป็นที่รู้จักในวงการต่าง ๆ เนื่องจากการแต่งตัวที่มีรสนิยมแนวฮิปเสตอร์ จนได้รับฉายาจากสื่อต่างประเทศว่าเป็นฮิปเสตอร์ ไอคอล แห่งวงการฟุตบอล และนอกจากรสนิยมการแต่งตัวแล้ว รอยสักบนตัวของราอูล เมยเรเรส ที่ไม่มี่ที่ว่างเหลือให้สำหรับการสัก ยังเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนยังคงจดจำนักเตะรายนี้ได้อยู่เสมอ โดยรอยสักที่มีอยู่บนตัวของ ราอูล เมยเรเรส มีด้วยกันมากมายแต่สิ่งที่พิเศษมากกว่ารอยสักทั่วไปคือ การสักรูปใบหน้าของภรรยาและลูกสาวของเขาลงบนร่างกาย เนื่องจากเหตุผลที่ตัวเองหลงรักรอยสักมาตั้งแต่อายุ 18 และทุกสิ่งที่สักบนร่างกายโดยส่วนใหญ่นั้นเป็นสิ่งที่ตนเองรักและชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพศิลปะกะโหลกที่หน้าอก หรือมังกรแดงตัวใหญ่ที่แผ่นหลัง ดังนั้นภรรยาและลูกสาวคือสิ่งที่ตัวเองรักมากที่สุดในชีวิต จึงได้นำภาพของทั้งสองมาสักไว้บนร่างกายด้วย

และนอกจากที่ราอูล เมยเรเรส ได้หลงรักรอยสักที่ได้สักลงบนร่างกายของตัวเองแล้ว ยังได้นำน้ำหมึกบนเรือนร่างของตัวเองเข้าสู่มูลนิธิศิลปะ เพื่อระดมทุนช่วยเหลือการวิจัยโรคมะเร็งอีกด้วย จึงถือได้ว่ารอยสักที่อยู่บนตัวของ ราอูล เมยเรเรส นั้นเป็นรอยสักที่เปี่ยมไปด้วยความรักอย่างแท้จริง

 

ไนเจล เดอ ยอง รอยสักแห่งนักรบ

ไนเจล เดอ ยอง นักฟุตบอลกลองกลางเอนกประสงค์ ขาโหดของทีมชาติอัศวินสีส้ม ผู้ซึ่งผ่านการรับใช้สโมสรมาแล้วกว่า 5 ลีกชั้นนำทั่วโลก ด้วยแนวทางการเล่นฟุตบอลที่มีความดุดันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เป็นที่ต้องการของหลายต่อหลายทีม เหมือนกับรอยสักบนตัวที่มีความหมายว่า “นักรบ”

จุดเริ่มต้นของนักรบบนผืนหญ้าสีเขียว ได้เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งจากลีกบ้านเกิดในประเทศฮอลแลนด์ ในการลงเล่นฟุตบอลอาชีพให้กับสโมสร อาแจ็กซ์ อันสเตอร์ดัม ก่อนที่จะย้ายไปเล่นให้กับสโมสร ฮัมบูร์ก ในลีกเยอรมันอันแข็งแกร่งเป็นเวลา 3 ปี หลังจากนั้นการเล่นที่เข้าตาทีมมหาเศรษฐีน้ำมันจากเกาะอังกฤษ หรือทีมเรือใบสีฟ้าแมนเชสเตอร์ซีตี้ ทำให้ ไนเจล ถูกซื้อตัวเข้ามาร่วมทัพเพื่อสร้างเส้นทางสู่การพิชิตแชมป์ จนในเวลาต่อมาเมื่อสัญญาหมดลง ไนเจล เดอ ยอง ได้ตัดสินใจไปเล่นให้กับทีมปีศาจแดงดำ เอซีมิลาน เป็นเวลา 4 ปี จนครบสัญญา จึงได้ย้ายออกไปอยู่กับทีม แอลเอ กาแลคซี่ ทีมรวมดาวดังจากยุโรปแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเองทีมกาลาตาซารายยักษ์ใหญ่แห่งตุรกีได้จรดปากกาเซ็น ไนเจล เดอ ยอง เข้าร่วมทีมต่อจาก แอล เอ กาแลคซี่ จวบจนปัจจุบันด้วยความดุดันในการเล่นที่ยังคงมีอยู่ในตัว ทำให้ทีม ไมนซ์ จากศึกบุนเดสลีกาได้ทำสัญญากับกองกลางพันธุ์ดุรายนี้เข้าร่วมทัพจนจบฤดูกาลที่ผ่านมา

ด้วยการเล่นที่ดุดันไม่เกรงกลัวคู่ต่อสู้และมีแนวทางที่เด็ดขาดเฉพาะตัว ทำให้กองกลางรายนี้ตัดสินใจเลือกรอยสักที่มีความเข้ากับตัวเอง โดยได้แรงบันดาลใจในการเลือกรอยสักที่เป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมในประเทศอินโดนีเซีย ที่มีความหมายว่านักรบ ซึ่งมีลวดลายเป็นรูปดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามราวกับท่วงท่าในการต่อสู้และมีความแข็งแกร่งผสมผสานดั่งโล่ที่มีเหล็กกล้ารวมอยู่ในรอยสักนั้น นอกจากนี้ลวดลายรอยสักบนตัวของ ไนเจล เดอ ยอง ที่สื่อถึงนักรบแล้ว ภาพรวมของรอยสักทั้งหมดบนตัว ยังมีความหมายถึงนักสู้อีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนในการเล่นฟุตบอลที่มีแนวทางของตนเองได้เป็นอย่างดี

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของนักเตะสายเลือดดัชต์ผู้นี้ นอกจากการเล่นที่เป็นที่ยอมรับจากหลายลีกชั้นนำแล้วว่าแข็งแกร่ง ยังบ่งบอกว่านักเตะผู้นี้เป็นนักเตะที่มีสายเลือดนักสู้ในการค้าแข้งของอาชีพนักฟุตบอลอย่างแท้จริงอีกด้วย เพราะอาการบาดเจ็บหลายต่อหลายครั้ง ที่ทำให้นักเตะรายนี้ต้องออกไปพักรักษาตัวอย่างยาวนาน จนไม่คิดว่าจะกลับมาเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ก็สามารถกลับมาเล่นได้แข็งแกร่งอีกครั้ง ราวกับรอยสักแห่งนักรบที่อยู่บนร่างกายได้ผลักดันให้นักเตะรายนี้ได้ยืนหยัด เพื่อกลับมาให้ต่อสู้ได้เสมอไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม จวบจนปัจจุบันปี 2018 ไนเจล เดอ ยอง มีอายุ 33 ปี และยังคงเป็นนักเตะอาชีพใน บุนเดสลีกา ลีกอันดับหนึ่งอันแข็งแกร่งของประเทศเยอรมัน

 

ลอริส คาริอุส รอยสักแห่งความเชื่อ

ในศึกชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกปี 2018 ไม่มีใครที่ไม่รู้จักนายทวารจากทีมหงส์แดงลิเวอร์พูลผู้นี้ หลังจากพลาดท่าทำให้ทีมพ่ายแพ้ต่อเรอัล มาดริด ไปถึง 3 ประตูต่อ 1 ถึงแม้จะพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศด้วยการตัดสินใจอันผิดพลาดของตัวเองในวันนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกลับมาเป็นผู้รักษาประตูที่ดีอีกในอนาคตไม่ได้ เหมือนความหมายของรอยสักที่บริเวณขาที่มีคำว่า “I have Kept the fait” ที่หมายความว่า “ฉันจะรักษามันด้วยความเชื่อ”

ลอริส คาริอุส นายทวารประตูสัญชาติเยอรมัน ผู้มีประสบการณ์มากมายมาตั้งแค่ในวัยเด็ก โดยผ่านการฝึกมาจากสโมสรชั้นนำมาถึง 5 สโมสรก่อนที่จะก้าวเข้ามาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับทีม ไมนซ์05 โดยได้เป็นตัวจริงตั้งแต่อายุ 19 ปี และได้ถูกโหวตให้เป็นผู้รักษาประตูที่ดี่ที่สุดอันดับ 3 ของลีก พร้อมทั้งได้เป็นตัวจริงให้ทีมชาติเยอรมันมาถึง 6 รุ่น เหลือเพียงทีมชาติชุดใหญ่เท่านั้นที่เป็นเป้าหมายอันสูงสุดที่ยังไปไม่ถึง นอกจากนี้ ลอริส คาริอุส ยังมีอาชีพเสริมเป็นนายแบบแฟชั่นและได้ถูกเชิญไปงานเลี้ยงที่บ้านของ จัสติน บีเบอร์ ซึ่งเมื่อจัสตินได้เห็นรอยสักที่หน้าอกของ คาริอุส จึงรู้สึกประทับใจ และได้ปรึกษาคุยเรื่องการสักกับคาริอุสเป็นการส่วนตัว

รอยสักที่เป็นศิลปะบนเรื่องร่างของ ลอริส คาริอุส ได้พูดถึงเรื่องราวของเกียรติยศความสวยงามและการหวนคืนโดยการใช้สัญลักษณ์ของเพรชเปรียบเสมือนเกียรติยศ ดอกกุหลาบแทนเรื่องราวอันสวยงามที่ผ่านมา และนกนางแอ่นที่แสดงถึงการหวนคืนของชีวิต พร้อมกับมีคำว่า “Dream Chaser” ที่แปลว่าการออกล่าความฝัน ซึ่งเมื่อนำมารวมกันทั้งหมดจะมีความหมายโดยรวมที่หมายถึงการออกล่าความฝันเพื่อเกียรติยศที่สวยงามก่อนที่จะหวนกลับคืนสู่จุดเริ่มต้น เป็นรอยสักที่ทำให้ คาริอุส คำนึงถึงเสมอว่า “ทุกสิ่งอาจเปลี่ยนแปลงพวกเรา แต่ทุกอย่างนั้นเริ่มต้นและจบลงที่ครอบครัว” นอกจากนี้ที่หัวไหล่ด้านซ้ายยังมีรูปของพระแม่มารีและสรวงสวรรค์เป็นสิ่งที่ คาริอุส เคารพนับถือและมีความเชื่อว่าพระองค์ได้สถิตอยู่ข้างกายเขาเสมอไม่ว่าจะอยู่ในเวลาใหนก็ตาม พร้อมทั้งมีคำที่เป็นภาษาฝรั่งเศสที่มีข้อความว่า “toujours dans mon coeur”  อยู่ใต้หน้าอกที่หมายถึงว่า “อยู่ในหัวใจของฉันเสมอ”  อีกทั้งที่แขนตรงข้อมือขวาของ คาริอุส ยังมีรูปถุงมือมิกกี้เมาส์ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่ตนเองชื่นชอบในวัยเด็กและเป็นตัวแทนของความฝันในวัยเด็กของตัวเองที่ได้พาก้าวมาถึงในวันนี้

“I have Kept the fait”  เป็นรอยสักที่น่องด้านซ้ายที่สักหลังจากที่ได้ย้ายมาอยู่กับทีมลิเวอร์พูล โดยหมายความว่าฉันจะรักษามันด้วยความเชื่อ ในวิกฤติชีวิตแบบนี้หวังว่ารอยสักที่อยู่บนตัวของ ลอริส คาริอุส จะเป็นแรงผลักดันทำให้สามารถก้าวข้ามผ่านสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตด้วยความเชื่อกลับมาเป็นผู้รักษาประตูที่ดีได้อีกครั้งในอนาคต

 

ชาริล ชัปปุยส์ เทพบุตรฟุตบอลไทย กับรอยสักแห่งชีวิต

ในปี 2014 เป็นปีที่ฟุตบอลทีมชาติไทยกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนานหลายปี เนื่องจากได้คว้าอันดับที่ 4 ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ปี 2014 ที่ประเทศเกาหลีใต้ และยังได้กลับมาคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ได้สำเร็จในปีเดียวกัน ซึ่งในปีนั้นทำให้มีนักฟุตบอลดาวรุ่งรุ่นใหม่ฉายแสง แจ้งเกิดในนามฟุตบอลทีมชาติไทยหลายต่อหลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นที่เป็นนักฟุตบอลที่มีคนชื่นชอบมากที่สุดก็คือ ชาริล ชัปปุยส์ นักเตะทีมชาติไทยลูกครึ่งสวิตเซอร์แลนด์

ด้วยหน้าตาอันหล่อเหลาของนักเตะรายนี้ ทำให้วงการฟุตบอลทีมชาติไทย ทวีความนิยมมากขึ้นในบรรดาหมู่อิสสตรีของประเทศ ซึ่งปกติไม่ได้ให้ความสนใจในฟุตบอลทีมชาติไทยมากนัก นอกเหนือจากทักษะที่ยอดเยี่ยมในการเล่นฟุตบอลและใบหน้าอันหล่อเหลาแล้ว ชาริล ยังมีรอยสักที่เป็นศิลปะที่งดงาม และมีความหมายที่ลึกซึ้งไม่แพ้กัน

โดยรอยสักที่เป็นลายแรกในชีวิตของ ชาริล เป็นรอยสักของวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน ปี 2009 ซึ่งเป็นตัวเลขของวันในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งชาริล ได้เป็นนักเตะชุดเยาวชนทีมชาติในชุดนั้นด้วย จากนั้นในเวลาต่อมา ชาริล ได้สักรอยสักรูปฟุตบอลลงที่ข้อศอกซ้าย โดยมีภาพใบหน้าของตัวตลกหรือโจ๊กเกอร์ กับใบหน้าของคนที่เศร้าหมองรวมอยู่ด้วยกัน เพื่อเป็นเครื่องหมายเตือนใจในวันที่บาดเจ็บอย่างหนักของตนเอง หลังจากจบฟุตบอลโลกที่ผ่านมาได้ครึ่งปี จากอาการกระดูกข้อเท้าแตกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้ระลึกถึงว่าในชีวิตมีทั้งช่วงเวลาที่ดีและมีช่วงเวลาที่แย่รวมอยู่ด้วยกัน อีกทั้งยังมีรอยสักที่เป็นความทรงจำในวัยเด็กตรงน่องด้านขวา ที่มีการสักตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบอย่าง ดราก้อนบอล มาริโอ กัปตันสึบาสะ โดนัลดั๊ก รวมไปถึงสไปร์เดอร์แมนที่ทำหน้าที่เป็นผู้รักษาประตู พร้อมทั้งมีคำภาษาอังกฤษที่เขียนไว้ว่า “Never Give Up in yours Dreams” ซึ่งแปลเป็นไทยว่า “อย่ายอมแพ้ในความฝันของคุณ”  และนอกจากนี้ยังมีศิลปะที่ทดแทนความรู้สึกถึงทั้งคุณพ่อและคุณแม่ที่ต้นขาทั้งสองข้าง โดยได้สักรูปช้างไว้ที่ต้นขาด้านขวา เป็นสัญลักษณ์ของคุณแม่ในนามทีมชาติไทย และต้นขาด้านซ้ายเป็นรูปหมาป่าพร้อมกับภูเขาสวิตเซอร์แลนด์ที่ เป็นสัญลักษณ์ทีมชาตสวิสเซอร์แลนด์ในด้านของคุณพ่ออีกด้วย

จากจุดเริ่มต้นของรอยสักที่ได้แรงบันดาลใจมาจากพี่สาว รอยสักที่มีทั้งหมดในร่างกายของ ชาริล ตอนนี้ต่างมีเรื่องราวและความทรงจำที่ได้บรรยายไว้เป็นเรื่องเล่าเฉกเช่นเดียวกับเรื่องราวตัวตนในชีวิตของ ชาริล ที่มีเส้นทางเดินตามความฝันในชีวิตเป็นของตัวเอง วันนี้เหลือเพียงแขนด้านขวาเท่านั้นที่ยังไม่มีรอยสักศิลปะที่งดงามวาดอยู่ เพราะ ชาริล ตั้งใจเก็บเอาไว้เล่าเรื่องราวของชีวิต หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตหลังแต่งงานกับคนที่ตนเองรักในอนาคต

 

อารอน แรมซีย์ กับรอยสักแห่งความศักดิ์สิทธิ์

รอยสักกับนักกีฬาฟุตบอลเป็นเหมือนสิ่งที่เกิดมาคู่กัน นักกีฬาโดยส่วนใหญ่ที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพมักจะมีรอยสักที่เป็นศิลปะเฉพาะแบบที่สำคัญของแต่ละบุคคล เพื่อเอาไว้เล่าเรื่องราวที่น่าประทับใจ หรือเก็บเป็นความทรงจำที่เป็นสัญลักษณ์ไว้ให้ติดอยู่กับตัว รวมไปถึงการได้แสดงออกถึงตัวตนในแบบที่ไม่เหมือนใครด้วยศิลปะรอยสักที่น่าจดจำ

อารอน แรมซีย์ นักเตะตัวเก่งจากทีมอาร์เซนอลแห่งเวทีพรีเมียร์ลีก เป็นนักเตะที่มีฝีมือและทักษะที่ไม่ธรรมดา โดยเป็นกองกลางซึ่งสามารถยิงได้สูงสุดต่อเนื่องถึง 13 ประตู จากการแข่งขัน 19 นัด ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุขาหักในการพบกับทีม สโต๊ค ในปี 2010 และเป็นอุบัติเหตุที่ได้รับอาการบาดเจ็บอย่างหนักที่สุดในชีวิต โดยที่อาจจะไม่สามารถมีโอกาสกลับมาลงสนามเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง

ในระหว่างที่เข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บอย่างหนักที่บริเวณขาซ้าย อารอน แรมซีย์ ได้แรงบันดาลใจจากการอธิษฐานภาวนาต่อสิ่งที่ตนเองศรัทธา จึงได้ตัดสินใจไปสักรอยสักภาพของสวงสวรรค์พร้อมกับภาพนักบุญไมเคิล หรือ มีคาแอล เป็นรอยสักที่ได้สักสถิตย์ไว้ตรงบริเวณขาที่ได้รับการรักษา เนื่องจากต้องการให้ปกป้องขาของตนเองจากอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต รวมถึงทำให้มีความเชื่อมันว่าจะสามารกลับมาโลดแล่นบนผืนหญ้าได้อีกครั้ง จนกระทั่งในปี 2011 คำอธิษฐานเริ่มบังเกิดผล อารอน แรมซีย์ ได้กลับมามีชื่อเป็นตัวสำรองให้กับทีมอาร์เซนอลอีกครั้งในการไปเยือนทีม เอฟเวอร์ตัน ที่ถิ่นกูดิสันพาร์ค ก่อนที่จะแพ้ไปด้วยสกอร์ 0-3 หลังจากนั้น อารอน แรมซีย์ สามารถพิสูจน์ตัวเองจนได้รับความเชื่อถือ และเชื่อใจให้กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมส์รอบรองชนะเลิศของศึกเอฟเอคัพ ซึ่งเป็นฝ่ายทีม อาร์เซนอล ที่ได้รับชัยชนะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศจากการดวลจุดโทษ ต่อมาในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอคัพ อารอน แรมซีย์ ยังคงได้รับความไว้วางใจให้ลงเล่นเป็นตัวจริงในการพบกับทีมฮัลล์ซิตี้ และด้วยความสามารถหรือปาฏิหาริย์ในเกมส์นั้น อารอน แรมซีย์ ได้เป็นผู้ซัดประตูชัยให้กับทีม อาร์เซนอล ได้รับชัยชนะในนัดชิงชนะเลิศของช่วงต่อเวลาพิเศษในนาทีที่ 109 ทำให้ทีมอาเซนอลชนะไปด้วยสกอร์ 3-2 และได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นสมัยที่ 11 มากที่สุดเทียบเท่ากับทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

สิ่งที่เกิดขึ้นกับ อารอน แรมซีย์ เหมือนกับเรื่องราวปาฏิหาริย์ในนิยาย ที่หายจากอาการบาดเจ็บที่ไม่รู้ว่าจะสามารถกลับมาเล่นได้อย่างเดิมหรือเปล่า แต่คำตอบที่เกิดขึ้นในการลงเป็นตัวจริง และได้พิชิตชัยชนะเหนือฮัลล์ซิตี้ในรอบชิงชนะเลิศ พร้อมทั้งเป็นคนทำประตูให้ทีมได้รับชัยชนะ แสดงให้เห็นถึงคำตอบของคำถามที่เกิดขึ้นระหว่างรักษาตัวได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งพิสูจน์ให้รู้ว่าทักษะที่ถูกฝังอยู่ในตัวยังคงสามารถกลับมาโลดแล่นบนผืนหญ้าในระดับโลกได้อีกครั้ง หรือในความเป็นจริงทั้งหมดอาจจะเป็นเพราะว่าคำภาวนาและนักบุญไมเคิล ที่อยู่ในรอยสักซึ่งได้สถิตอยู่กับ อารอน แรมซีย์ ที่ขาซ้ายจึงทำให้เขากลับมาได้ในวันนี้

 

Thierry Henry ตำนานจากอาร์เซนนอล กับลวดลายรอยสักบนเรือนร่าง

เหล่าบรรดาแฟนบอลพรีเมียร์ลีกทั้งหลาย เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จักชื่อของ Thierry Henry นักเตะฝีเท้าดีจากฝรั่งเศส ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในตำนานของทีมอาร์เซนอลกันเป็นอย่างดี ในอดีตอันสวยงามอองรีเคยได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่เคยทำประตูให้กับอาร์เซนอลได้มากที่สุดในฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก และเขาเคยช่วยให้อาร์เซนอลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปได้ถึง 2 สมัย และคว้าแชมป์ FA Cup ไปได้ถึง 3 ครั้ง ด้วยลีลาการเล่น ฝีเท้าระดับเทพ ทำให้อองรีเคยได้รับเสนอชื่อเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกถึง 2 ครั้งอีกด้วย ซึ่งนอกจากความสามารถในแวดวงฟุตบอล ที่ทำให้นักเตะวัย 40 ปีผู้นี้ได้กลายเป็นกองหน้าผู้เป็นตำนานของทีมอาร์เซนอลแล้ว เรื่องของรอยสักของอองรียังได้รับการพูดถึง และได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่าแฟนบอลกันเป็นอย่างมาก เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น เราไปดูกัน

  1. ตำแหน่งที่แขนซ้าย เริ่มที่รอยสักบนแขนซ้าย ซึ่งถึงแม้อองรีจะเป็นนักเตะชาวฝรั่งเศสที่ได้ใช้ชีวิตนักเตะอยู่ในประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ของชีวิต แต่ล่าสุดในปี 2014 เขาได้บอกกับสื่อว่าเขาชื่นชอบเมืองนิวยอร์ค ซึ่งเป็นเมืองที่เขาเลือกอยู่อาศัยในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ล่าสุดเขาจึงได้สักลวดลายสัญลักษณ์ของเมืองนิวยอร์คเอาไว้ที่แขนของเขา คือ รูปตึก Empire state, สะพาน Brooklyn และเทพีเสรีภาพ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของนิวยอร์ค ซึ่งรอยสักที่ว่านี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั้งในแง่ดีและแง่ไม่ดี เพราะมีทั้งคนที่ชอบ แต่แฟนบอลบางคนบอกว่ามันเป็นรอยสักที่ไม่เข้าท่าและบ้าสิ้นดี
  2. หน้าลูกสาว บนหน้าแขนอองรียังได้สักรูปหน้าของลูกสาวของเขา คือ Tea เอาไว้ด้วย

                นอกจากรอยสักทั้ง 2 ที่แขนของอองรีอดีตนักเตะทีมชาติฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่สนอกสนใจ และได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันแล้ว ยิ่งกว่านั้นหน้าของเขาเองยังถูกแฟนบอลนำไปเป็นรอยสัก เมื่อครั้งที่เขาย้ายจากทีมอาร์เซนอลไปอยู่กับทีมบาร์เซโลน่า โดยแฟนบอลได้นำเอารูปหน้าอองรีไปสักไว้บนแผ่นหลัง ด้านล่างของชื่อทีมอาร์เซนอล พร้อมกับรูปปืนใหญ่ 2 กระบอกที่จ่อไปยังหน้าของเขาอีกด้วย ซึ่งรอยสักนี้ได้เป็นข่าวคราวในวงการฟุตบอลในยุคนั้นถึงความไม่พอใจของแฟนบอลที่มีต่อเขา
ไม่เพียงแต่หน้าของอองรีเท่านั้นที่แฟนบอลได้นำเอาไปเป็นรอยสัก ยังมีภาพหน้าของนักฟุตบอลหลายคนที่แฟนบอลนิยมนำเอาไปเป็นรอยสัก ได้แก่ โรเบโต้ บักโก้ อดีตศูนย์หน้าของอิตาลี และคริสเตียโน่ โรนัลโด ดาวยิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในโลกคนหนึ่งในตอนนี้

 

Tim Howard หนึ่งในนักกีฬาฟุตบอลผู้หลงใหลลวดลายการสัก


Tim Howard ถือเป็นนักฟุตบอลอีกหนึ่งคนที่ได้รับการพูดถึงเกี่ยวกับรอยสักของเขา ด้วยชื่อเสียงและความสามารถในการเป็นนายประตูให้กับทีมชาติสหรัฐอเมริกา ทำให้เขาได้รับความสนใจจากแฟนบอลไม่แพ้กับนายประตูคนอื่น ๆ สำหรับใครที่สนใจอยากรู้ความหมายเกี่ยวกับรอยสักของ Tim Howard วันนี้เราได้นำ รอยสักของนายทวารผู้นี้มาฝากกัน

  1. Superman Tim Howard ได้สัก Logo ของ Superman ไว้ เนื่องจากรอยสักนี้เป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่มีความแข็งแกร่ง ทนทาน มีพลัง ทนทาน และไม่สะทกสะท้านต่อความเจ็บปวดต่าง ๆ
  2. มังกร มังกรซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาวจีนหรือชาวเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นมังกรจีนหรือมังกรหยกเป็นสัญลักษณ์ของความฉลาดเฉียบแหลม มีพลังอำนาจ บ่งบอกถึงความแข็งแรง มั่นคง และแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่ง
  3. ไม้กางเขน ต้นแบบของรูปไม้กางเขนมาจากรูปหัวใจและเครื่องหมายกากบาท ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีคุณค่าและมีความสวยงาม อีกทั้งยังบ่งบอกถึงศรัทธา และเป็นสัญลักษณ์เพื่อให้ระลึกและบ่งบอกถึงความหมายของคนรัก
  4. ผู้หญิงและผู้ชาย นอกจากนี้ Tim Howard ยังได้สักภาพผู้หญิงและผู้ชายเอาไว้บนเรือนร่างของเขา ซึ่งทั้ง 2 ภาพลายสักก็คือแม่และปู่ของเขานั่นเอง
  5. รอยสักที่แขน Tim Howard ได้สักคำว่า Ink, not milk และได้เป็นภาพที่เผยแพร่กันโดยทั่วไปตามสื่อเพื่อเป็นการช่วยรณรงค์การผลิตเสื้อผ้าจากหนังและขนสัตว์อีกด้วย
  6. ภาพหน้าเด็กที่หน้าอก หน้าอกของ Tim Howard มีรูปรอยสักเป็นรูปหน้าของเด็กผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งก็คือภาพหน้าของลูกสาวและลูกชายของเขา อีกทั้งตรงหน้าอกข้างขวาเขายังได้สักค่ำว่า “Jacob precious son you are my strength and joy” เพื่อแสดงถึงความรักที่เขามีต่อลูกชายไว้อีกด้วย
  7. แขนซ้าย Tim Howard ได้สักคำว่า “Psalm 118” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเชื่อและความศรัทธาในพระเจ้าเอาไว้ด้วย
  8. หมายเลข 24 เขาได้สักหมายเลข 24 ซึ่งเป็นเบอร์เสื้อที่เขาสวมใส่เอาไว้ตรงซี่โครง
  9. สัญลักษณ์ของ New Jersey เขาได้สักสัญลักษณ์ของเมือง New Jersey เอาไว้ที่หน้าท้องของเขา
  10. ภาพเขียนของญี่ปุ่น Tim Howard มีรอยสักภาพพระอาทิตย์ขึ้นและภาพของเกอิชา หญิงชาวญี่ปุ่นเอาไว้ที่แขนขวา
  11. สำนวนภาษาฝรั่งเศส รอยสักสุดท้ายของ Tim Howard ที่เรานำมาฝากกันคือสำนวนในภาษาฝรั่งเศสที่เขียนว่า “Unis par l’amour” หรือที่แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “Unite by love” ที่แปลว่าความรักทำให้ทุกอย่างสามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวได้นั่นเอง

                รอยสักของชายผู้นี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นสุภาพบุรุษที่มีความมุ่งมั่น แข็งแกร่ง ความรักครอบครัว ไปจนถึงความเป็นตัวของตัวเองที่มุ่งมั่นในอาชีพนักฟุตบอล และความเชื่อมั่นศรัทธาในศาสนา ซึ่งหากใครกำลังมองหาลวดลายรอยสักบนเรือนร่างอยู่แล้วละก็สัญลักษณ์ของ Superman และ มังกรเหมือนอย่างของ Tim Howard ก็ถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจ

 

Daniel Agger นักเตะจอมเก๋าของลิเวอร์พูล กับรอยสักที่หลายคนต้องจดจำ

เมื่อเอ่ยชื่อของ Daniel Agger คนที่เป็นคอบอลพรีเมียร์ลีกและแฟนบอลของทีมลิเวอร์พูล ก็คงจะรู้จักเขากันเป็นอย่างดี เพราะนักเตะชาวเดนมาร์กผู้นี้เป็นนักเตะที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้อ่านเกม และผู้ที่ยิงบอลได้รุนแรงที่สุดคนหนึ่งของสโมสรลิเวอร์พูล อักเกอร์ สังกัดทีมลิเวอร์พูลมาตั้งตั้งแต่ปี 2006 จนได้เป็นรองกัปตันทีมลิเวอร์พูลในปี 2014 และเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา เขาได้ประกาศแขวนสตั๊ดเมื่ออายุได้ 32 ปี

อักเกอร์เป็นนักเตะอีกคนหนึ่งที่ทั้งสื่อและแฟนบอลได้ให้ความสนใจในลวดลายรอยสักบนเรือนร่างของเขา วันนี้เราจะมาทราบถึงความหมายของลายสักต่าง ๆ บนเรือนร่างของอักเกอร์กัน เริ่มต้นที่ฝ่ามือของอักเกอร์ที่ได้สักลวดลายเป็นรูปดวงอาทิตย์ และบนนิ้วหัวแม่มือที่ได้สักเป็นตัวอักษร “YNWA”

ความผูกพันกับครอบครัว     

รอยสักซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความรักที่อักเกอร์มีต่อครอบครัว ได้แก่รอยสักชื่อของพี่น้อง คือ “Macro” และ “Stephanie” ซึ่งได้สักไว้ที่กลางลำตัวของเขา นอกจากนี้ยังมีชื่อลูกชายคนแรก คือ “Jamie” ออกแบบเป็นดีไซน์เหมือนสร้อยคอไว้ตรงด้านล่างคอของอักเกอร์ ชื่อของ “Mason” ลูกชายคนที่ 2 ถูกสักเอาไว้ที่ต้นขา และชื่อของภรรยา “Sofie” ไว้บนนิ้วมือของเขา นอกจากนี้เขายังได้สักชื่อของพ่อแม่ของเขาเอาไว้ที่น่องอีกด้วย

ความผูกพันกับสโมสรลิเวอร์พูล

สัญลักษณ์ตัวอักษร “YNWA” ที่อักเกอร์ได้สักเอาไว้บนนิ้วมือของเขานั้นเป็นอักษรย่อมาจากคำว่า “You’ll never alone” ซึ่งเป็นคำขวัญของทีมลิเวอร์พูล รอยสักนี้เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเขามีความสัมพันธ์กับสโมสรลิเวอร์พูลเป็นอย่างมาก

รอยสักบนแผ่นหลัง

รอยสักบนแผ่นหลังของอักเกอร์ เป็นรอยสักที่หลายคนจดจำและได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก เพราะด้านหลังของเขาได้สักเป็นรูปสัญลักษณ์ของไวกิงขนาดใหญ่พร้อมกับรูปข้าง ๆ เป็นรูปหลุมฝังศพของกษัตริย์เดนมาร์ก Holger Danske ตำนานที่ชาวเดนมาร์กรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งในตำนานได้เล่าสืบต่อกันมาว่ากษัตริย์ผู้นี้เป็นกษัตริย์ที่จะคอยช่วยเหลือชาวเดนมาร์กและประเทศเมื่อยามที่ต้องประสบกับภัยต่าง ๆ ไม่เพียงเท่านั้น ตรงด้านล่างของรอยสักรูปกษัตริย์ Holger Danske อักเกอร์ยังได้สักเป็นรูปศีรษะของชาวไวกิ้ง 3 คนซึ่งเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกความหมายของสุภาษิตชาวไวกิ้งที่ว่า “to see no evil, hear no evil, speak no evil” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาภาพลิงปิดตา ปิดหู และปิดปากนั่นเอง

รอยสักของ Agger นอกจากจะเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความรักความผูกพันที่เขามีต่อครอบครัวและความมีเชื้อสายเดนมาร์กของเขาแล้ว รอยสัก “YNWA” ของเขายังเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า เขามีความรักความผูกพันและมีคาวมจงรักภักดีกับสโมสรลิเวอร์พูลเป็นอย่างมากอีกด้วย