ราฮีม สเตอร์ลิง รอยสักแห่งแรงบันดาลใจและความเศร้าโศก

ในเรื่องราวชีวิตของแต่ละคน มีทั้งเรื่องที่ดีใจและเรื่องเสียใจ หลายคนเก็บมันเอาไว้ในความทรงจำ อีกหลายคนเก็บมันเอาไว้ในการจดบันทึกลงสมุด และอีกหลายคนที่เก็บมันเอาไว้โดยการสักบนร่างกาย เหมือนกับ ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกซ้ายทีมชาติอังกฤษ ที่มีรอยสักของเรื่องราวทั้งสองด้านจากอดีตที่ผ่านมา

ด้วยอายุเพียง 17 ปี ราฮีม สเตอร์ลิง ได้มีโอกาสลงเล่นในลีกฟุตบอลอาชีพให้กับทีมลิเวอร์พูล ก่อนที่จะแสดงผลงานอย่างยอดเยี่ยมในการพบกับที แมนเชสเตอร์ซิตี้ จนได้ติดทีมยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์ และได้ลงเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องหลังจากเกมส์นั้น ต่อมาด้วยการเล่นฟุตบอลที่ทำผลงานการเล่นใด้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ใด้มีโอกาสรับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี ในปี 2015 และเป็นทีมเรือใบสีฟ้า ที่เข้ามาตะครุบดาวรุ่งรายนี้ขึ้นเรือไป ด้วยค่าตัวที่มีมูลค่าสูงถึง 49 ล้านปอนด์หรือ 2.45 พันล้านบาท ด้วยสัญญา 5 ปี และได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลล่าสุด 2017-18

เรื่องราวกว่าจะถึงวันนี้ของราฮีม สเตอร์ลิง ได้แรงบันดาลใจมาจากที่ตนเองได้เห็นเด็กน้อยคนหนึ่ง ยืนถือลูกบอลอยู่ที่หน้าสนามเวมบลีย์ และได้รู้สึกถึงแรงผลักดันของเด็กน้อยคนนั้น ที่ได้สื่อสารมาสู่ภายในใจของตนเอง ให้ต้องทำสิ่งที่ได้โอกาสอยู่ให้มากกว่านี้ จึงได้นำภาพในความทรงจำในวันนั้นมาสักลงไว้ที่แขนซ้าย เพื่อเป็นรอยสักที่ให้แรงบันดาลใจกับตัวเอง และเป็นกำลังใจในการเล่นฟุตบอลให้พัฒนาขึ้นต่อไป

นอกจากนี้อีกหนึ่งรอยสักที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางของราฮีม สเตอร์ลิง คือการได้ไปสักรูปปืนเอ็ม16 ที่หน้าแข้งขวา เนื่องจากมีสมาคมชาวอังกฤษ ซึ่งต่อต้านการใช้อาวุธปืนได้ร้องต่อเอฟเอ ให้ปลดนักเตะรายนี้ออกจาทีมชาติอังกฤษ เพราะการเป็นนักเตะทีมชาติควรเป็นแบบอย่างที่ดี และไม่ควรบูชาอาวุธปืน แต่ราฮีม ได้ให้เหตุผลว่ารอยสักที่เป็นรูปปืนบนขาขวานั้น เป็นการรำลึกถึงบิดาที่ถูกยิงเสียชีวิตไป เมื่อตอนที่ตัวเองอายุได้ 2 ขวบ และได้ให้คำมั่นสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่แตะต้องอาวุธปืนอีกเลยตลอดชีวิต และจะใช้ขาขวาของตนเองเพื่อยิงลูกบอลเท่านั้น ซึ่งเอฟเอได้ยอมรับเหตุผลของราฮีม และได้ทำการสนับสนุนให้ติดทีมชาติ พร้อมกับเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างจริงจังในฟุตบอลโลกที่กำลังจะมาถึง

ทั้งแรงบันดาลใจที่เปลี่ยนตัวเองให้ต้องพัฒนาขึ้นมากว่าเดิม ทั้งความเศร้าโศกที่เปลี่ยนกลายเป็นการยิงประตูเพื่อชัยชนะ ทั้งหมดกลายเป็นแรงผลักดันที่ถูกจารึกไว้เป็นรอยสักบนร่างกาย ที่จะสะท้อนเป็นสิ่งเตือนใจในทุกช่วงเวลาของชีวิตในวันข้างหน้า