ช่วงเวลาสั้น ๆ ในโรงละครแห่งความฝัน ของโอเดียน อิกาโล่

“ผมเติบโตขึ้นมากับการดูแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเล่นผ่านทางทีวี และชอบดูการเล่นของคู่หูกองหน้า อย่างแอนดี้ โคล และดไวท์ ยอร์ค พวกเขาคือแบบอย่างให้กับการเล่นฟุตบอลของผม และความฝันสูงสุดของผมคือการได้ลงเล่น ในโอลด์แทรฟฟอร์ดซักครั้งหนึ่งในชีวิต” นี่คือคำพูดที่โอเดียน อิกาโล่ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อปี 2016 โดยที่ไม่มีใครแม้แต่เจ้าตัวเองจะรู้ว่า ความฝันนั้นมันจะมีโอกาสเป็นจริง ในอีก 3 ปีต่อมา

เป็นที่รู้กันดีว่า สภาพทีมของปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้ ไม่ได้ดีนัก ทั้งเกมรุกและเกมรับ และเริ่มจะเป็นที่รับไม่ได้ของบรรดาแฟนบอล โดยมีการเดินออกจากสนามก่อนเวลา เพื่อส่งสัญญาณไปถึงบอร์ดบริหารและผู้จัดการทีม ว่ามันถึงเวลาที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับทีมเสียที ก่อนที่สถานการณ์ต่าง ๆ มันจะเลวร้ายไปกว่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อกองหน้าตัวความหวังของทีมอย่างมาร์คัส แรชฟอร์ดมีอาการบาดเจ็บ ต้องพักยาวไปอีกคน ดังนั้นสิ่งที่โซลชาร์ต้องทำโดยด่วนคือการหากองหน้าเพื่อเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงในแนวรุกโดยเร็วที่สุด

ตลอดหนึ่งเดือนเต็มของช่วงตลาดหน้าหนาว ปีศาจแดงมีข่าวกับนักเตะมากมาย แต่ก็เหมือนจะเป็นข่าวโคมลอยซะเป็นส่วนใหญ่ จนแฟน ๆ เริ่มที่จะเอือมระอากับการเสริมทัพของทีม และผู้เล่นที่เป็นข่าวก็ต่างปิดดีลกับสโมสรอื่นกันไปทีละรายสองราย ทั้งเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ที่ไปเปิดตัวด้วยแฮตทริค กับดอร์ทมุนด์ เอดิสัน คาวานี่ เตรียมย้ายไปแอตเลติโก มาดริด จนวันสุดท้ายก่อนตลาดวาย เหลือเพียงแค่โจชัว คิงส์ กับโอเดียน อิกาโล่ ที่เป็นตัวเลือกเพียงแสองคน แต่ด้วยเงื่อนไขด้านเวลาที่เหลือแค่ไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ค่าตัวของเด็กเก่าอย่างโจชัว คิงส์ถูกโก่งขึ้นไปถึง 40 ล้านปอนด์ ซึ่งเรียกได้ว่าฟันหัวแบะเลยทีเดียว ดังนั้นจึงเหลือเพียงเค้าคนเดียว คนที่ฝันอยากจะเล่นให้ยูไนเต็ดมาตลอดชีวิตอย่าง โอเดียน อิกาโล่

ใช่ครับสุดท้ายเหลือเขาเพียงคนเดียว แต่ช้าก่อนอย่าพึ่งคิดว่าเขาคือของเหลือเลือกจากทีมอื่น เพราะกว่าจะเบียดเข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือกของปีศาจแดง แน่นอนว่าเขาต้องมีดีอยู่ในตัวแน่นอน โดยคุณสมบัติทางกายภาพ เขาเป็นกองหน้าที่มีส่วนสูง 188 เซนติเมตร ร่างกายแข็งแกร่งพร้อมชน มีความเร็วสูงและคล่องตัว ไปกับบอลได้ดี รวมทั้งจบสกอร์ใช้ได้ และแน่นอนเขาพร้อมจะทุ่มเทให้กับทีมที่เขาใฝ่ฝันจะเล่นให้อย่างแน่นอน

และถ้าจะพูดถึงเรื่องประสบการณ์ เขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคู่แข่งคนอื่น ๆ โดยเขาผ่านการเล่นลีกใหญ่มาแล้ว ทั้งที่อิตาลี่ กับอูดิเนเซ่ และเชเซน่า ถึงจะลงเล่นรวมกันไปแค่ 9 นัด แต่ที่อูดิเนเซ่ เขาก็เคยร่วมงานกับเพลย์เมคเกอร์คนใหม่ของทีมอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส และผ่านเกมในลาลีกา สเปน กับกรานาด้า ถึง 64 นัด (12 ประตู) ก่อนย้ายมาเล่นให้วัตฟอร์ด และยิงถึง 20 ประตูพาทีมแตนอาละวาดเลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ และในปีแรกเขาระเบิดประตูในลีกไปถึง 15 ประตู ก่อนจะดร็อปลงในปีต่อมา จนต้องย้ายไปโกยเงินหยวนที่แผ่นดินมังกร ซึ่งที่จีนนั้นนอกจากค่าเหนื่อยมหาศาลถึงสัปดาห์ละราว ๆ 300,000 ปอนด์แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เขาได้มาคือ ความมั่นใจ เพราะเขากลับมายิงระเบิดอีกครั้ง โดยใช้เวลา 2 ฤดูกาลครึ่ง ยิงไปถึง 46 ประตู จากการลงสนาม 72 เกม

โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ บอกว่ากองหน้าที่เขาต้องการ คือคนที่พร้อมจะทำทุกอย่างทุ่มเทสุดตัว เพื่อให้ทีมได้ประตู และเชื่อว่าโอเดียน อิกาโล่ ก็พร้อมจะทุ่มเทสุดตัวเพื่อความฝันของเขาเช่นกัน แม้ว่าความฝันนี้จะเป็นช่วงสั้น ๆ เพราะมีเพียงสัญญายืมตัวระยะเวลา 6 เดือนเท่านั้น แต่ถ้าเขาทำให้ความฝันนี้เป็นฝันที่ดี หลังจบสัญญาระยะสั้นนี้ อาจจะมีความฝันที่ดีกว่ารออยู่ก็ได้ ใครจะไปรู้

บทบาทของบรูโน่ แฟร์นันด์ส กับภารกิจปั้นเกมรุกผีแดง

เกือบจะเป็นดีลล่มตามหลาย ๆ ดีลไปแล้ว สำหรับการคว้าตัว บรูโน่ แฟร์นันด์ส จากสปอร์ตติง ลิสบอน เพื่อมาเพิ่มมิติเกมรุกให้กับทัพผีแดง โดยตลอดหนึ่งเดือนของตลาดหน้าหนาว ข่าวของบรูโน่มีมาแล้วก็ไป ทีละแค่ 48 ชั่วโมง แต่ผ่านไป 48 ชั่วโมงแล้ว 48 ชั่วโมงเล่า ก็ไม่มาซักที กว่าจะได้เปิดตัวก็ล่วงเวลาไปจนเกือบตลาดวาย และเมื่อได้มาแล้วตำแหน่งการเล่นของเขาจะเป็นอย่างไร และทีมจะได้ประโยชน์เช่นไรลองมาวิเคราะห์กันดู

เกมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ บรูโน่ได้รับมอบหมายให้ลงไปเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก ก่อนที่จะถ่อยลงต่ำกว่าเดิมในช่วงครึ่งหลัง และเจ้าตัวก็ทำได้ค่อนข้างดี ทั้งเกมรุกและการเข้าแย่งบอล โดยเขามีโอกาสจ่ายบอลสวย ๆ ค่อนข้างเยอะ และมีจังหวะยิงไกลหลายครั้ง รวมไปถึงลูกฟรีคิกด้วย แต่ก็ยังไม่มีสกอร์แรก โดยสื่อต่างชาติ หลาย ๆ สำนัก ให้คะแนนอยู่ที่ 6-7 คะแนน ซึ่งถือเป็นคะแนนที่น่าพอใจเลยทีเดียว สำหรับเกมที่มีเวลาซ้อมกับทีมเพียงแค่ไม่กี่วัน

จากนี้ไปเมื่อได้ซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมมากขึ้น เชื่อว่าการเล่นของเขาจะลื่นไหลมากกว่านี้ และตำแหน่งที่เขาทำได้ดีที่สุด ก็คือตำแหน่ง ตัวรุกหมายเลข 10 คงจะไม่ถูกส่งไปประจำการในตำแหน่งอื่นแน่ ในตำแหน่งนี้และด้วยสไตล์การเล่นของเขาที่สามารถไปกับบอลได้ดี เลี้ยงกินตัวกองหลังได้ และมีลูกยังไกลเป็นอาวุธลับ จะทำให้เปิดพื้นที่กองหลังให้บรรดาตัวรุกอย่าง แดเนียล เจมส์ , อองโทนี่ มาร์ซิยาล, และคนอื่น ๆ มีช่องเล่นมากขึ้น และให้เจ้าตัวมีพื้นที่จ่ายบอลสวย ๆ ให้เพื่อนร่วมทีมเข้าทำได้มากขึ้นแน่นอน

แผลที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการแก้ไขคือ เมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่ถอยลงไปตั้งรับลึก แล้วไม่สามารถหาจังหวะและเปิดพื้นที่กองหลังเข้าไปทำประตูได้ ทำให้จบที่การเสมอหรือโดนสวนจนแพ้อยู่บ่อย ๆ และการแก้ปัญหานี้โดยการใช้บรูโน่ ถือว่าตอบโจทย์นี้ได้ แต่จะหวังพึ่งเขาคนเดียวก็ไม่ใช่ที่ ผู้จัดการทีมจะต้องวางแท็กติก และเพื่อนร่วมทีมจะต้องช่วยกันเล่นให้สมกับที่จะเป็นผู้ชนะ เพราะการจะให้ผู้เล่นเพียงคนเดียวแบกเกมรุกทั้งทีมไว้คงจะไม่ไหวแน่

ในขณะที่ทีมตกต่ำ เชื่อว่าทุกคนเข้าใจว่าการจะกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะกลับมาได้แบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ แต่สิ่งที่ทุกคนอยากจะเห็นหลังจากนี้ คือการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีของทีม การเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้แฟนบอลทุกคนมองเห็นอนาคตบ้าง สร้างความหวังระยะยาวให้กับทีมได้ และวันนี้การได้บรูโน่มาเสริมทัพ ทุกคนต่างตั้งความหวังว่าการเปลี่ยนแปลงของทีม จะคุ้มกับเม็ดเงินที่จ่ายไป และต้องเป็นหน้าที่ของผู้จัดการทีมแล้ว ว่าจะปรับแต่งทีมอย่างไร หลังได้อะไหล่ชั้นยอดชิ้นนี้มาแล้ว ได้มาแล้วต้องใช้ให้คุ้ม ต้องใช้ให้เป็น เพราะถ้าใช้ไม่เป็น อาจจะเป็นการซื้อมาเพื่อให้คนอื่นใช้นะ น้าโอเล่

การตื่นจากโรงละครแห่งความฝัน(ร้าย) ของโรเมลู ลูกากู

“ย้ายออกจากผี ได้ดีทุกคน” คำพูดนี่ช่างเป็นคำที่เสียดแทงใจดำของเหล่าเด็กผีทุกหมู่เหล่าอย่างมาก แต่จะโต้เถียงอะไรได้ เมื่อมันมีหลักฐานให้เห็นอยู่ชัดเจน และกรณีนี้ก็เช่นกันเมื่อกองหน้าที่เป็นตัวตลกของแฟน ๆ อย่างโรเมลู ลูกากู ย้ายออกจากทีม ไปอยู่กับอินเตอร์ มิลาน

ลูกากู ถือเป็นผู้เล่นที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมจะเป็นสุดยอดกองหน้าได้ ด้วยร่างกายที่สูงถึง 190 เซนติเมตร แถมมีร่างกายที่แข็งแกร่งบึกบึน มีความเร็ว การจบสกอร์ที่เฉียบคม และเล่นลูกกลางอากาศได้ดี อีกทั้งเจ้าตัวยังมีความกระหายที่จะพัฒนาตัวเองอย่างมาก นับตั้งแต่การย้ายจากทีมบ้านเกิดอย่างอันเดอร์เลช มาสู่ถิ่นสแตรมฟอร์ด บริดจ์ของเชลซี แต่ไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากนัก จนต้องปล่อยให้เวสบรอมวิช อัลเบียน ยืมไปใช้งาน และเมื่อเขาได้โอกาสลงสนามเขาก็ทุ่มเทอย่างมาก เพื่อพิสูจน์ตัวเอง โดยยิงให้เวสบรอมวิชไปถึง 17 ประตูจาก 35 นัด แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเบียดกองหน้าระดับโลกอย่างเฟอร์นานโด ตอร์เรสได้อยู่ดี จนต้องออกไปหาโอกาสลงสนามอีกครั้ง ที่เอฟเวอร์ตัน ด้วยสัญญายืมตัว และเขาก็โชว์ของกดไป 15 ลูกให้เอฟเวอร์ตัน จนทีมท็อปฟี่สีน้ำเงิน ตัดสินใจกระชากตัวเขามาอยู่กับทีมถาวรด้วยเงินถึง 28 ล้านปอนด์ เมื่อเขามีโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องที่เอฟเวอร์ตัน เขาก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างมากมาย เรียกได้ว่าเป็นกองหน้าระดับแนวหน้าของลีค และเป็นกำลังหลักของเอฟเวอร์ตันและทีมชาติเบลเยี่ยม

แต่เหมือนเขาจะเอาทุกอย่างที่สร้างจากเอฟเวอร์ตัน มาทิ้งไว้ที่โอลแทร๊ฟฟอร์ด เมื่อโชเซ่ มูรินโญ่ ขอให้สโมสรดึงตัวเขามาร่วมทีม ด้วยค่าตัวสูงถึง 75 ล้านปอนด์ แต่ด้วยแผนการเล่นของมูรินโญ่ที่ขึ้นชื่อเรื่องเกมรับ ลูกากูถูกปล่อยให้โดดเดี่ยวอยู่ในแดนคู่แข่ง ภาพที่ชินตาคือการที่เห็นเขาวิ่งไล่แย่งบอลที่สาดยาวมาจากแดนหลัง อย่างโดดเดี่ยว ไม่ใช่การร่วมต่อบอลสร้างสรรค์เกมรุกกับเพื่อนร่วมทีม ทำให้ตลอดสองฤดูกาลเขายิงในลีกได้เพียง 28 ประตู สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ สภาพจิตใจของลูกากูในขณะนั้น เขาไม่เหลือความมั่นใจอยู่เลย วิญญาณเพชฌฆาตของเขาเลือนหาย กลายเป็นตัวตลกของแฟน ๆ จนถูกตั้งฉายาว่า ตู้เย็น เพราะเหมือนเอาตู้เย็นไปตั้งไว้ในกรอบเขตโทษ แทบไม่มีพิษภัยใด ๆ กับฝั่งตรงข้ามเลย

และฝันร้ายของเขาได้จบลงแล้ว เมื่ออินเตอร์ มิลาน ภายใต้การคุมทีมของอันโตนิโอ คอนเต้ ทุ่มเงิน 80 ล้านยูโรดึงตัวเขาไปร่วมทีม และคอนเต้ได้ทำการปลุกวิญญาณนักล่าในตัวเขาขึ้นมาอีกครั้ง เขายิงได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนาม ความเร็ว ความมั่นใจ และเทคนิคต่าง ๆ ของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดหูผิดตา ปัจจุบันเขายิงให้อินเตอร์ไปแล้ว 16 ประตู เป็นที่รักของแฟน ๆ และเพื่อนร่วมทีม และที่สำคัญเขากลับมาเล่นฟุตบอลอย่างมีความสุขและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง นับว่านี่คือการตื่นจากฝันร้ายของ โรเมลู ลูกากู อย่างแท้จริง

ตัวปัญหาหรือตัวความหวัง กับเรื่องคาราคาซังของ ปอล ป็อกบา

หลังตลาดหน้าหนาวปิดตัวลงไปเป็นที่เรียบร้อย แล้วดีลการย้ายทีมของปอล ป็อกบายังไม่เกิดขึ้น เป็นอันว่าเขายังอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่อไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต่อไปอีกนานแค่ไหน เมื่อข่าวของเขากับทีมโน้นทีมนี้มีออกมาอยู่ตลอด และแฟน ๆ ยูไนเต็ดเองก็สุดจะเอือมระอากับพฤติกรรมของเจ้าตัวรวมทั้งผู้จัดการส่วนตัวอย่าง มิโน ไรโอล่า ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความหน้าเงินซะเหลือเกิน

อดีตเด็กปั้นรายนี้ เคยมีเรื่องราวเกี่ยวกับผลประโยชน์และสัญญากับทีมมาตั้งแต่ถูกดันขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ เมื่อตกลงด้านผลประโยชน์กันไม่ได้เขาจึงเลือกย้ายไปอยู่กับยูเวนตุสในอิตาลีแทน จนสุดท้ายเป็นยูไนเต็ดเองที่ต้องไปทุ่มเงินดึงตัวเขากลับมาด้วยค่าตัวสูงถึง 85 ล้านปอนด์ พร้อมค่าเหนื่อยมหาศาลของเจ้าตัว และแน่นอนว่าดีลนี้ทำให้ มิโน่ ไรโอล่ารวยเละ ด้วยเม็ดเงินขนาดนั้นทุกคนต่างคาดหวังในตัวเขาอย่างสูงลิ่วที่จะเข้ามายกระดับทีมให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่สิ่งที่เขาทำกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมันดูเหมือนว่าเขาจะสนใจเรื่องการใช้ชีวิตนอกสนามซะมากกว่าการเล่นฟุตบอล เขาดูเหมือนจะทุ่มเทให้กับโซเชียล แฟชั่น และการตัดผมซะมากกว่าการพัฒนาฟอร์มการเล่นของตัวเองและทีม จนได้รับฉายาว่าเป็นมิดฟิลด์ตัวตัดผม ไม่ใช่ตัวตัดเกม สุดท้ายฟอร์มในสนามของเขาก็ออกมาอย่างที่เห็น กระท่อนกระแท่นไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เกมไหนเล่นดีก็ดีใจหาย เกมไหนไม่อยากเล่นก็เหมือนลงไปให้มันจบเกมซะอย่างงั้น

แน่นอนว่าเรื่องฝีเท้าของป็อกบาไม่มีใครกังขา เขาเก่งจริงสมเป็นมิดฟิลด์เบอร์ต้น ๆ ของโลกอย่างแน่นอน เพียงแต่ความกระหายและความทุ่มเทให้ทีมเท่านั้นที่มันทำให้เกิดคำถาม นอกจากการมีปัญหาส่วนตัวแล้วในฤดูกาลนี้เขายังโดนปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานจนถึงขั้นต้องผ่าตัด และยังอยู่ในช่วงเวลาพักฟื้น ทำให้เขาได้ลงสนามให้กับทีมไปเพียงแค่ 8 เกมเท่านั้น ทำให้แผงมิดฟิลด์ของทีมอ่อนยวบจนต้องไปดึงบรูโน่ แฟร์นันด์สเข้ามาเสริมทีม และถ้าหากว่าฟอร์มของบรูโน่สามารถยกระดับเกมในแดนกลางของทีมได้ ถึงวันนั้นแฟน ๆ ที่สุดจะทนกับตัวเขาคงจะตะโกนเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ต้องมีป็อกบาอยู่ในทีมก็ได้

ณ ตอนนี้ตัวของเขายังมีสัญญากับยูไนเต็ดอยู่ ยังไม่ได้ย้ายทีมไปไหน เพราะฉะนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ต่อหรือจากไป ถ้าเขาอยู่ต่อเพื่อพิสูจน์ตัวเองต่อเสียงวิจารณ์ของแฟน ๆ และเหล่าบรรดาผู้เกี่ยวข้องกับยูไนเต็ดทั้งหลาย แน่นอนว่าแผงมิดฟิลด์ของผีแดงจะแกร่งขึ้นแน่ เมื่อมีทั้งป็อกบาและบรูโน่ร่วมกันปั้นเกมรุก หรือเขาอาจจะย้ายออกไปเพื่อหาความท้าทายใหม่ ๆ อย่างที่ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ และไม่ว่าเรื่องราวมันจะจบลงแบบไหน นอกเหนือจากความพอใจของสโมสรและตัวนักเตะแล้ว ปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางของเรื่องนี้คือ ผลประโยชน์ที่มากพอของ มิโน่ ไรโอล่า นั่นเอง