ทำความรู้จักกับ สตีเว่น เบิร์กไวจ์น ปีกตัวใหม่ ของไก่เดือยทอง

เปิดตัวอย่างสวยงามแล้ว ปีกคนใหม่ของทีมไก่เดือยทอง ท็อตแน่มฮอท สเปอร์ส อย่างสตีเว่น เบิร์กไวจ์น หลังจากที่เจ้าตัวทำประตูสุดสวย ช่วยให้ต้นสังกัดใหม่ของเขาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ไป 2 ประตู ต่อ นับเป็นการเปิดตัวในฝันเลยก็ว่าได้ สำหรับดาวรุ่งวัย 22 ปี เราลองมาดูที่มาและที่ไปของเจ้าหนูคนนี้กันซักหน่อย

เบิร์กไวจ์น เกิดที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขาเริ่มต้นฝึกฝนวิชาลูกหนังในอคาเดมี่ ของอแจ็กส์ อัมสเตอร์ดัม ก่อนที่จะย้ายเข้าศูนย์ฝึกเยาวชนของ พีเอสวี ไอน์โฮเฟน เมื่ออายุได้ 14 ปี และได้เริ่มลงสนามให้กับทีมตอนอายุเพียง 17 ปี โดยเริ่มต้นด้วยการสลับขึ้นลงระหว่างทีมชุดใหญ่และชุดสำรอง เขาใช้เวลาสองฤดูกาลในการยึดตำแหน่งตัวจริงบนทีมชุดใหญ่ ก่อนจะวาดลวดลายลูกหนังจนเตะตาแมวมองทีมใหญ่จากทั่วยุโรป โดยเขาลงเล่นให้พีเอสวีไปทั้งหมด 112 นัด ยิงไปทั้งสิ้น 29 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมเลยสำหรับผู้เล่นตำแหน่งปีก

เขาตกเป็นข่าวกับทีมยักษ์ใหญ่จากลีกต่าง ๆ ทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อินเตอร์ มิลาน, สเปอร์ส, บาเยิร์น มิวนิค รวมไปถึงดอร์ทมุนด์ที่สนใจดึงตัวเขาไปร่วมทีม ก่อนที่จะเป็นทางสเปอร์สที่ต้องการตัวเขามากกว่าหลังการย้ายทีมของคริสเตียน อีริคเซ่น รวมทั้งปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นในแนวรุก จึงยอมทุ่มเงินจำนวนถึง 27 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัวเขาเข้ามาอุดร่องรอยที่อีริคเซ่นทิ้งไว้ และเขาก็ได้แสดงความสามารถให้เห็นแล้ว ด้วยการยิงประตูแรกทันทีที่ได้ลงสนาม และเป็นการยิงที่ต้องบอกเลยว่าดาวรุ่งคนนี้มีของ และเขาจะตอบแทนทีมได้คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่จ่ายไปอย่างแน่นอน

สไตล์การเล่นของเขานั้น ถูกยกย่องและนำไปเปรียบเทียบกับฟร้องค์ ริเบรี่ ตำนานปีกชาวฝรั่งเศสของบาเยิร์น มิวนิค เลยทีเดียว ด้วยการไปกับบอลได้ดี เลี้ยงบอลติดเท้า และมีสปีดที่รวดเร็ว อีกยังทำได้ดีทั้งการจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีม และการจบสกอร์ด้วยตัวเอง ด้วยสไตล์การเล่นแบบนี้เชื่อว่าจะเป็นผู้เล่นที่เหมาะกับแผนการเล่นของกุนซือโชเซ่ มูรินโญ่อย่างแน่นอน เพราะมันเหมาะกับการโจมตีเร็ว ในเกมโต้กลับโดยที่ไม่ต้องใช้ตัวผู้เล่นในการเล่นเกมรุกหลายคน ดังนั้นเชื่อว่าเขาจะมีอนาคตที่ดีในทีมของมูรินโญ่อย่างแน่นอน

สถิติต่าง ๆ ที่ผ่านมามันทำให้เห็นว่าลีกในประเทศมันเล็กเกินไปสำหรับฝีเท้าของเขาแล้ว และมันเป็นใบเบิกทางให้ตัวเขาย้ายมาที่ลอนดอน แต่นับจากนี้ไปต่างหากที่จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาสอบผ่านหรือไม่ กับลีกที่ใหญ่กว่า เกมที่เร็วและหนักหน่วงกว่า ความกดดันและความคาดหวังที่สูงกว่า เขาจะทำได้ดีแค่ไหน แต่ตอนนี้เขามีคะแนนในหัวใจแฟน ๆ ไก่เดือยทองบางส่วนแล้ว หลังจากทำข้อสอบข้อแรกได้คะแนนเต็มไปอย่างสวยงาม

เดเล่ อัลลี่ กับรอยสักแห่งศรัทธาของผู้ไม่ยอมแพ้

เดเล่ อัลลี่ มิดฟิลด์ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ ของสโมสรท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เด็กหนุ่มวัย 23 คนนี้สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาแฟนบอลทั่วโลกมาแล้ว ทั้งในนามทีมชาติและระดับสโมสร โดยเขาเป็นกำหลักหลักในแดนกลางให้กับทั้งสองทีม และยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างเหนียวแน่น จะมีก็เพียงแค่อาการบาดเจ็บเท่านั้นแหละที่จะเบียดเขาจากตำแหน่งในทีมได้

เดเล่ อัลลี่เริ่มต้นอาชีพจากการเป็นเด็กปั้นของมิลตัน คีน ดอน ก่อนที่สเปอร์สจะดึงตัวเขามาร่วมทีมเมื่ออายุ 19 ปีด้วยค่าตัวเพียงแค่ 5 ล้านปอนด์ ถึงตอนนี้เขาลงสนามให้ทัพไก่เดือยทองไปแล้วถึง 149 นัด และทำประตูไปถึง 49 ประตู ส่วนในนามทีมชาตินั้น อัลลี่ติดทีมเยาวชนมาแล้วทุกชุด และตอนนี้เขาเล่นในทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 37 นัด และทำได้ 3 ประตู

เดเล่ อัลลี่ คือหนึ่งในนักกีฬาที่ชื่นชอบในศิลปะการสักบนเรือนร่าง และรอยสักของเขาล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับความศรัทธาและการปลุกใจนักสู้ในตัวของเขาทั้งสิ้น เราลองมาดูว่ารอยสักบนร่างกายของเขามีอะไรบ้าง

1.เจ้าหนูแบมแบม รับเบิล ที่แขนซ้าย

แน่นอนว่ารูปนี้ไม่เกี่ยวกับศรัทธาหรืออะไรทั้งสิ้น แต่เจ้าตัวสักรูปนี้เพราะตัวเขามีชื่อเล่นเดียวกันกับตัวการ์ตูนจากเรื่องฟลินท์สโตน คือ “แบมแบม” เนื่องจากชื่อเต็ม ๆ ของเขาคือ แบมมิเดเล่ อัลลี่ นั่นเอง

2.รอยสัก LOSER-LOVER

ที่เหนือข้อศอกซ้าย อัลลี่สักตัวอักษรคำว่า LOSER โดยมีตัว V สีแดงทับอยู่บนตัว S ซึ่งสื่อความหมายได้ว่า จะเป็นที่รัก หรือไอ้ขี้แพ้นั่นเอง

3.รูปคิงส์กับควีน บนหัวไหล่ขวา

อัลลี่สักรูปคิงส์กับควีนที่อยู่บนไพ่ไว้ตรงหัวไหล่ โดยเจ้าตัวบอกว่า เวลาเล่นไพ่ถ้าเขาได้ไพ่สองใบนี้เขามักจะเป็นผู้ชนะเสมอ คงประมาณว่าถ้ามีไพ่สองใบนี้ไว้กับตัว เขาจะไม่มีวันพ่ายแพ้นั่นเอง

4.รูปพระเจ้ากับนางฟ้า

อัลลี่สักรูปพระเจ้ากับนางฟ้าไว้บริเวณท่อนแขนขวา สื่อถึงศรัทธาที่เขามีต่อพระผู้เป็นเจ้า ในศาสนาคริสต์

5.Psalm 23:4

บนทรวงอกด้านซ้าย อัลลี่สักข้อความสั้น ๆ อันสื่อถึงข้อความในไบเบิ้ล ซึ่งมีใจความว่า
“แม้ข้าพระองค์เดินผ่านหุบเขาเงาแห่งความตาย ข้าพระองค์จะไม่หวาดกลัวความชั่วร้ายใด ๆ เพราะพระองค์สถิตกับข้าพระองค์ พระองค์ทรงปกป้องและนำทางข้าพระองค์ ทำให้ข้าพระองค์สบายใจ” นั่นคือเขาต้องการจะบอกว่าเขาจะไม่เกรงกลัวคู่ต่อสู้หน้าไหนทั้งนั้น

แม้ว่ารอยสักบนร่างกายของเดเล่ อัลลี่ จะยังไม่ได้มากมากมายเท่าใครหลายคน แต่รอยสักของเขาล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธา และเหมาะจะเป็นรอยสักของผู้ที่มีจิตใจแห่งความเป็นนักสู้ ไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร เขาจะลงไปสู้โดยไม่เกรงกลัวผู้ใด เมื่อเขามีทุกอย่างที่เขาเชื่ออยู่บนร่างกายของเขาเอง