กว่าจะเป็นดาวเด่นและแชมป์เปี้ยนแห่งฤดูกาลพรีเมียร์ลีก

การคว้าแชมป์ในฤดูกาลแห่งพรีเมียร์ลีก (Premier League) ของทีมฟุตบอลในประเทศอังกฤษนั้นไม่ใช่การได้มาแบบง่าย ๆ บางสโมสรรอมานานมากก็ยังไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสของชัยชนะเลยสักฤดูกาล แต่ก็มีบางสโมสรที่ครอบครองแชมป์ได้นานที่สุด อย่างทีมปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือแชมป์ทีมล่าสุดในต้นฤดูกาลที่ผ่านมาอย่าง ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พลู ซึ่งเรียกว่าเป็นแชมป์เปี้ยนที่รอเวลามายาวนานมากในรอบ 30 ปีเลยทีเดียว ทำให้ทุกสโมสรมีความกระหายชัยชนะอย่างมาก ต้องฝึกซ้อมอย่างทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจและแรงเงินอัดฉีดจำนวนมาก เพื่อให้มีโอกาสได้เข้าใกล้ถ้วยแชมป์ได้มากที่สุด

ในแต่ละลีกจะปรากฏดาวดวงใหม่ที่มีความสามารถโดดเด่นจนผู้จัดการทีมทุกทีมต้องจับตามองพวกเขาเอาไว้ให้ดี และจะมีความเชื่อมั่นต่อมาว่าพวกเขาเหล่านี้จะสามารถใช้ความสามารถและความเก่งกาจที่มีนำทีมให้ก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ในลีกได้ ไม่ว่าจะทำหน้าที่อยู่ในตำแหน่งใดก็พร้อมที่จะทุ่มสุดตัวเพื่อแลกตัวมาเสริมทัพ ความแข็งแกร่งให้กับทีม

ใครกันบ้าง…ที่เป็นดาวเด่นและแชมป์เปี้ยนแห่งฤดูกาลพรีเมียร์ลีก

1.Lionel Messi เป็นนักฟุตบอลชื่อดังที่ค้าแข่งให้กับสโมสรบาร์เซโลนาและทีมชาติอาร์เจนตินา เขาได้สร้างสถิติสำหรับการทำประตูและได้รับรางวัลจนเป็นที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลกในฐานะผู้เล่นที่ดีที่สุดในวงการฟุตบอล โดยเป็นนักเตะที่มีทักษะและฝีเท้าเฉียบคมทั้งความเร็วและการทำประตู ซึ่งมีสถิติการทำประตูมากที่สุดคนหนึ่งในฤดูกาล

2.Dani Ceballos จากทีมอาร์เซนนอล เล่นในตำแหน่งกองกลาง ได้โชว์ฝีไม้ลายมือให้เห็นถึงทักษะการจ่ายบอลที่แม่นยำ ซึ่งถือว่าอาร์เซนอลยังไม่มีโอกาสได้ดาวจรัสแสงแบบนี้มานานพอสมควร แต่เขาสามารถเชื่อมโยงการเล่นให้กับผู้เล่นคนอื่น ๆ ทีมได้อย่างยอดเยี่ยม

3.Daniel Owen James ที่มีโอกาสคว้านักเตะยอดเยี่ยมแห่งทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาแล้ว ถือว่าเป็นปีกดาวรุ่งคนหนึ่งที่มีความเร็วในการเล่น ที่สำคัญเป็นนักเตะที่มีวินัยยอดเยี่ยมน่าเอาเป็นแบบอย่าง

4.Christian Mate Pulisi ถึงแม้ว่าจะเป็นชาวอเมริกัน แต่ก็ได้เลือกเส้นทางที่มุ่งเข้าสู่การเป็นดาวดวงใหม่ในพรีเมียร์ลีก อย่างทีมเชลซี มีทักษะดีรอบด้านในตำแหน่งกองหน้าและด้วยวัยเพียง เพิ่งจะ 20 เท่านั้น โดยเฉพาะการเลี้ยงบอลริมเส้น มีจังหวะที่ดีในการจบสกอร์บอลที่ยอดเยี่ยม

5.Rodrigo Hernandez นักเตะตำแหน่งกองกลางของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เรียกว่าค่าแลกกับความสามารถที่เขามีนั้นแพงที่สุดในประวัติการณ์ของทีมเลยทีเดียวด้วยสไตล์การเล่นที่มีความนิ่ง สุขุม ควบคุมสมาธิได้ดีเยี่ยม เท้าติดลูกฟุตบอลเหนียวแน่นในสนามแบบหาตัวจับยาก

พรีเมียร์ลีก เป็นลีกที่ดีที่สุดแห่งการแข่งขันฟุตบอลใช่หรือไม่

พรีเมียร์ลีก ถือว่าเป็นลีกที่มีผู้คนติดตามดูการแข่งขันมากที่สุดในโลก เพราะว่ามีนักกีฬาฟุตบอลชื่อดังและมีความสามารถที่หลายหลาย ดูแล้วสนุกที่ได้ร่วมลุ้นในเกมถือว่าเป็นเกมกีฬาที่ดีทีสุดในโลกเกมหนึ่งแน่นอน จากลีกฤดูกาลที่ผ่านมาว่าน่าทึ่งแล้ว ก็ไม่ควรพลาดในฤดูกาลต่อไปว่าทีมในดวงใจทีมใดจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จ

เจอร์เก้น คลอปป์ (Jürgen Klopp) ความหวังและครั้งใหม่ของหงส์แดง

เจอร์เก้นคลอปป์ เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ถือว่าเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก โดยในช่วงชีวิตของเขานั้นได้ผ่านมาหลากหลายบทบาท ทั้งนักกีฬาฟุตบอล โค้ชและได้มาเป็นกุนซือผู้จัดการทีมให้กับลิเวอร์พลูในปี 2015 จนทำให้ความหวังของทีมหงส์แดงกลับมาส่องสว่างอีกครั้งในช่วงฤดูกาลพรีเมียร์ลีก 2019-2020 จากการคว้าแชมป์แห่งฤดูกาลมาได้ ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้นก็สามารถเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางเกมเอาไว้

เจอร์เก้นคลอปป์ มีรางวัลจากบ้านเกิดของเขาเป็นเครื่องการันตีในความสามารถ คือ ตำแหน่งผู้จัดการยอดเยี่ยมแห่งปี 2011-2012 ของฟุตบอลเยอรมัน และรางวัลโค้ชแห่งปีในศึกฟีฟ่าซึ่งคว้าอันดับ 2 ในปี 2013 เขามีบุคลิกที่มีเสน่ห์จากรอยยิ้มที่มักจะมอบให้ผู้คนรอบข้างเสมอและยังมีความแน่วแน่ กระตือรือร้น นำทีมแบบนักสู้ที่ฮึกเหิม จนประสบความสำเร็จออกมาสู่สายตาแฟนบอลทั่วโลก

บทบาทสำคัญของกุนซือใหญ่ ในศึกพรีเมียร์ลีก

  • การตัดสินใจและมีเทคนิควิธีเพื่อกำหนดรูปแบบการเล่นของทีม รวมทั้งการเลือกผู้เล่นสำหรับลงแข่งขันในรายการสำคัญได้อย่างลงตัว โดยอาจจะมีการซื้อตัวผู้เล่นที่คิดว่ามีความจำเป็น หรือขายตัวผู้เล่นออกจากทีมก็สามารถทำได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของทีมในช่วงเวลานั้น
  • มีความสามารถในการสร้างแรงจูงใจและขวัญกำลังใจให้กับทีมได้อย่างแนบเนียน เพื่อลดความกดดันต่าง ๆ ที่ต้องมีตลอดการแข่งขัน เพราะการเล่นแบบมีความกดดันน้อยที่สุดมักจะประสบความสำเร็จได้ดีที่สุดเช่นกัน
  • มอบหมายหน้าที่ให้กับโค้ชรวมถึงการฝึกสอนที่ถูกวิธี และที่สำคัญยังต้องแบ่งหน้าที่ไปถึงเจ้าหน้าด้านการแพทย์และการพยาบาลอีกด้วย
  • การดูแลเรื่องข้อตกลงและสัญญาของลูกทีมให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและยุติธรรม อาจจะต้องระมัดระวังเรื่องข้อขัดแย้งซึ่งสามารถเกิดขึ้นภายหลังได้ แต่กุนซือที่มีความเฉลียวฉลาดมักจะจัดการได้อย่างลงตัวเสมอ
  • รักษาผลประโยชน์ของทีมเป็นสำคัญ และควรมีวิธีทำให้ทีมเกิดการพัฒนาและเจริญเติบโต หรือมีรายได้เพิ่มขึ้น อย่างเช่น การรับงานด้านโฆษณาสินค้าบางประเภทให้กับนักกีฬาชื่อดังในทีม เป็นต้น
  • พร้อมเผชิญหน้ากับสื่อ หรือการแถลงข่าวเกี่ยวกับทีม และมีวาทะที่สุขุมรอบคอบ ตอบคำถามได้แบบมีไหวพริบที่ดี ไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกแย่

เจอร์เก้น คลอปป์ (Jürgen Klopp) คือความสมบูรณ์แบบของกุนซือในฤดูกาล…หรือไม่

ในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา ต้องมีคนอยากรู้จักกุนซือทีมหงส์แดง ลิเวอร์พลูอย่างมากเลยทีเดียว เพราะอยากทราบว่าเขามีกลยุทธ์อะไรที่มาทำให้ทีมผงาดอีกครั้งได้อย่างงดงาม และต้องกลายเป็นประวัติศาสตร์ของโลกที่น่าจดจำไปตลอดกาล จากนี้ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี ก็ต้องหวนกลับมาคิดถึง และหนึ่งในนั้นก็คือชื่อของ เจอร์เก้น คลอปป์ (Jürgen Klopp) จึงไม่น่าจะผิดนัก ถ้าจะเรียกเขาผู้นี้ว่า กุนซือผู้มีความสมบูรณ์แบบแห่งฤดูกาล

ดีน เฮนเดอร์สัน (Dean Henderson) ดาวเด่นซุปเปอร์เซฟดวงใหม่ของทีมปีศาจแดง

ดีน เฮนเดอร์สัน (Dean Henderson) ได้กลายเป็นดาวรุ่งอีกดวงหนึ่งของวงการฟุตบอล โดยเฉพาะที่น่าทึ่งที่สุดคือการได้เข้าเซ็นสัญญากับทางสโมสรทีม ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2020 นี้ แล้วยังเป็นสัญญาระยะยาวอีกด้วย นั่นเป็นเพราะรูปแบบการรักษาประตูที่เป็นมืออาชีพ การันตีได้จากรางวัลล่าสุดอย่าง รางวัลถุงมือทองคำและรางวัลที่เคยได้รับ คือ ดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีเมื่อตอนที่อยู่สังกัดทีมเชฟฟิลด์

ถึงแม้ว่า ดีน เฮนเดอร์สัน จะอายุยังน้อยแต่ระดับฝีมือนั้นสามารถเทียบชั้นกับรุ่นพี่ได้อย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยเขาได้โอกาสที่ดีที่จะสามารถพิสูจน์ฝีมือตัวเองได้ในสนามพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลต่อไป เพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้กับทีมปีศาจแดง แมนยูฯ เพราะการแก้เกมการเล่นและการเปลี่ยนผู้เล่นในวงการฟุตบอลถือเป็นเรื่องปกติ ทุกการเปลี่ยนแปลงมักจะสร้างดาวเด่นดวงใหม่อยู่เสมอ

ดีน เฮนเดอร์สัน สามารถเป็นคำตอบที่ดีของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้หรือไม่?

ในการเซ็นสัญญาระยะยาวให้กับนักกีฬาฟุตบอลอย่างทีมยักษ์ใหญ่แบบทีม แมนยูฯ หมายถึง ต้องมีความเชื่อมั่นในตัวนักเตะอย่างมาก เชื่อมั่นในฝีมือ โดยต้องมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตากุนซืออย่าง อูเลอ กึนนาร์ ซูลชาร์ (Ole Gunnar Solskjær) ซึ่งเขาก็มีความยินดีในการต้อนรับ ดีน เฮนเดอร์สันเนื่องจากเชื่อมั่นในประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมานานกับเชฟฟิลย์ ยูไนเต็ด จึงสามารถก้าวขึ้นสู่นักฟุตบอลอาชีพได้อย่างเต็มตัวกับทีมชุดใหญ่

ดีน เฮนเดอร์สัน ก็ได้มากับความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม เพราะว่าตัวเขาเองจะมีความพยายามและพัฒนาตัวเองมากขึ้น เพื่อให้สมกับความไว้วางใจที่ทีมแมนยูฯ มีให้ แน่นอนว่าดาวซุปเปอร์เซฟดวงใหม่นี้จะสามารถเข้ามาผลักดันทีมให้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเต็งในตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง อย่างน้อยก็ช่วยกระตุ้นความสามารถของ ดาบิด เด เคอา(David de Gea) ผู้รักษาประตูที่ยังคงมีระยะเวลาของสัญญาเหลืออยู่ ให้ฮึกเหิมและทำหน้าที่ได้ดีอีกครั้ง

การเปลี่ยนแปลงของทีมปีศาจแดง แมนยูฯ จะมีโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในอนาคตอันใกล้ได้ไหม?

ทุกผลลัพธ์จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะไปในทางที่ดีขึ้นได้หรือไม่ก็ตาม กรณีของการจัดการและการวางแผนเกมการเล่นของแมนยูฯในฤดูกาลต่อไปก็เช่นกัน เพราะการพัฒนาฟอร์มการเล่นที่มีแนวโน้มว่าดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยอาศัยแรงกระตุ้นจากนักกีฬาในทีม อย่างเช่น บรูโน่ แฟร์นันด์ส (Bruno Fernandes) เข้ามาอยู่กับทีม แล้วคอยกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมได้เป็นอย่างดี และมีสไตล์การเล่นแบบมีทักษะการครองบอลได้เยี่ยมยอด เปิดบอลแม่น ให้กับเพื่อนร่วมทีมได้สามารถเล่นต่อเกมได้ดี ในส่วนของการเริ่มฤดูกาลใหม่ ถือว่าทำได้ดีขึ้น ถึงแม้จะเสมอกับทีมเจ้าบ้านเชลซีก็ตาม แต่ก็มีโอกาสยิงประตูหลายครั้ง โอกาสทวงคืนตำแหน่งแชมป์ยังไม่มืดมนแน่นอน

บทบาทของบรูโน่ แฟร์นันด์ส กับภารกิจปั้นเกมรุกผีแดง

เกือบจะเป็นดีลล่มตามหลาย ๆ ดีลไปแล้ว สำหรับการคว้าตัว บรูโน่ แฟร์นันด์ส จากสปอร์ตติง ลิสบอน เพื่อมาเพิ่มมิติเกมรุกให้กับทัพผีแดง โดยตลอดหนึ่งเดือนของตลาดหน้าหนาว ข่าวของบรูโน่มีมาแล้วก็ไป ทีละแค่ 48 ชั่วโมง แต่ผ่านไป 48 ชั่วโมงแล้ว 48 ชั่วโมงเล่า ก็ไม่มาซักที กว่าจะได้เปิดตัวก็ล่วงเวลาไปจนเกือบตลาดวาย และเมื่อได้มาแล้วตำแหน่งการเล่นของเขาจะเป็นอย่างไร และทีมจะได้ประโยชน์เช่นไรลองมาวิเคราะห์กันดู

เกมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ บรูโน่ได้รับมอบหมายให้ลงไปเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก ก่อนที่จะถ่อยลงต่ำกว่าเดิมในช่วงครึ่งหลัง และเจ้าตัวก็ทำได้ค่อนข้างดี ทั้งเกมรุกและการเข้าแย่งบอล โดยเขามีโอกาสจ่ายบอลสวย ๆ ค่อนข้างเยอะ และมีจังหวะยิงไกลหลายครั้ง รวมไปถึงลูกฟรีคิกด้วย แต่ก็ยังไม่มีสกอร์แรก โดยสื่อต่างชาติ หลาย ๆ สำนัก ให้คะแนนอยู่ที่ 6-7 คะแนน ซึ่งถือเป็นคะแนนที่น่าพอใจเลยทีเดียว สำหรับเกมที่มีเวลาซ้อมกับทีมเพียงแค่ไม่กี่วัน

จากนี้ไปเมื่อได้ซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมมากขึ้น เชื่อว่าการเล่นของเขาจะลื่นไหลมากกว่านี้ และตำแหน่งที่เขาทำได้ดีที่สุด ก็คือตำแหน่ง ตัวรุกหมายเลข 10 คงจะไม่ถูกส่งไปประจำการในตำแหน่งอื่นแน่ ในตำแหน่งนี้และด้วยสไตล์การเล่นของเขาที่สามารถไปกับบอลได้ดี เลี้ยงกินตัวกองหลังได้ และมีลูกยังไกลเป็นอาวุธลับ จะทำให้เปิดพื้นที่กองหลังให้บรรดาตัวรุกอย่าง แดเนียล เจมส์ , อองโทนี่ มาร์ซิยาล, และคนอื่น ๆ มีช่องเล่นมากขึ้น และให้เจ้าตัวมีพื้นที่จ่ายบอลสวย ๆ ให้เพื่อนร่วมทีมเข้าทำได้มากขึ้นแน่นอน

แผลที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการแก้ไขคือ เมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่ถอยลงไปตั้งรับลึก แล้วไม่สามารถหาจังหวะและเปิดพื้นที่กองหลังเข้าไปทำประตูได้ ทำให้จบที่การเสมอหรือโดนสวนจนแพ้อยู่บ่อย ๆ และการแก้ปัญหานี้โดยการใช้บรูโน่ ถือว่าตอบโจทย์นี้ได้ แต่จะหวังพึ่งเขาคนเดียวก็ไม่ใช่ที่ ผู้จัดการทีมจะต้องวางแท็กติก และเพื่อนร่วมทีมจะต้องช่วยกันเล่นให้สมกับที่จะเป็นผู้ชนะ เพราะการจะให้ผู้เล่นเพียงคนเดียวแบกเกมรุกทั้งทีมไว้คงจะไม่ไหวแน่

ในขณะที่ทีมตกต่ำ เชื่อว่าทุกคนเข้าใจว่าการจะกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะกลับมาได้แบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ แต่สิ่งที่ทุกคนอยากจะเห็นหลังจากนี้ คือการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีของทีม การเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้แฟนบอลทุกคนมองเห็นอนาคตบ้าง สร้างความหวังระยะยาวให้กับทีมได้ และวันนี้การได้บรูโน่มาเสริมทัพ ทุกคนต่างตั้งความหวังว่าการเปลี่ยนแปลงของทีม จะคุ้มกับเม็ดเงินที่จ่ายไป และต้องเป็นหน้าที่ของผู้จัดการทีมแล้ว ว่าจะปรับแต่งทีมอย่างไร หลังได้อะไหล่ชั้นยอดชิ้นนี้มาแล้ว ได้มาแล้วต้องใช้ให้คุ้ม ต้องใช้ให้เป็น เพราะถ้าใช้ไม่เป็น อาจจะเป็นการซื้อมาเพื่อให้คนอื่นใช้นะ น้าโอเล่

โอกาสทองของทีมฟุตบอลอังกฤษระดับกลาง

ความแข็งแกร่งของทีม big 6 ในพรีเมียร์ลีกเป็นสิ่งที่หลายคนทราบดี ในฤดูกาลที่ผ่านมายิ่งประจักษ์ชัดเพราะ 4 ใน 6 ทีมเข้าชิงกันเองทั้งฟุตบอลถ้วยเล็กและถ้วยใหญ่ของยุโรป โดยที่สโมสรฟุตบอลจากลีกอื่น ๆ ไม่เคยทำได้มาก่อน ในฟุตบอลลีกเองก็เป็นเรื่องยากที่ทีมระดับรองจะสามารถแทรกตัวเข้าไปจบอันดับ 1-6 ของตารางได้เพราะทีมทั้งหกนั้นมีทั้งเม็ดเงิน นักเตะชั้นดีและผู้จัดการทีมมากฝีมือ แต่มาปีนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปเชลซีเสริมทัพไม่ได้และอาร์เซน่อลก็มีเม็ดเงินไม่เพียงพอต่อการทำทีม m88 ดูท่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะให้ทีมระดับรองเหล่านี้ได้มีโอกาสลุ้นอันดับหัวตารางเสียจริง ๆ

เอฟเวอร์ตัน ทีมท็อฟฟี่สีน้ำเงินเป็นทีมเต็งที่จะทำภารกิจนี้สำเร็จมากที่สุด พวกเขามีผู้เล่นชั้นดี มีเจ้าของสโมสรที่ร่ำรวยและพร้อมจะให้ทุนในการเสริมเขี้ยวเล็บของทีม มาจนถึงตอนนี้เอฟเวอร์ตันได้ตัวอังเดร โกเมส มาจากบาร์เซโลน่าแล้วและกำลังลุ้นดึง เคิร์ท ซูม่า จากเชลซี ให้ความสนใจมัลคอล์มจากบาร์ซ่ารวมทั้งกำลังหว่านล้อมนิโกลาส เปเป้จากลีลล์อีกราย

เลสเตอร์ ซิตี้ องค์รวมของทีมจิ้งจอกสยามค่อนข้างน่าพอใจทั้งการได้กุนซือมากฝีมืออย่างเบร็นแดน ร็อดเจอร์สมาคุมทีม ผู้เล่นแกนหลักก็อยู่กันเกือบครบแถมเพิ่งคว้าตัวยูริ ตีเลอมองค์จากโมนาโก จัดการสอย อโยเซ่ เปเรสจากนิวคาสเซิ่ลและเชื่อว่าพวกเขายังจะไม่หยุดเสริมทัพเพื่อลุ้นอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรปอย่างแน่นอน

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมขุนค้อนเสียนักเตะไปหลายคนหนึ่งในนั้นคือคีย์แมนอย่างมาร์โก อาร์เนาโตวิช แต่พวกเขาก็เล็งตัวแทนไว้อย่างสมน้ำสมเนื้อโดยเป้าหมายก็คือกอนซาโล่ อิกวาอินกองหน้ามากประสบการณ์ชาวอาร์เจนไตน์ ซึ่งถ้าได้ตัวดาวยิงจากยูเว่มาร่วมทีมจริงประกอบกับหากซื้อผู้เล่นเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปได้และผู้เล่นแกนหลักของทีมกลับมาฟิตกันครบอันดับ 4-6 น่าจะลุ้นกันมันหยดเลยทีเดียว

วูฟแฮมตัน วันเดอร์เรอร์ส ทีมหมาป่าโชว์ฟอร์มได้เซอร์ไพรส์เหลือเกินในปีแรกบนเวทีพรีเมียร์ลีกนักเตะเนื้อหอมของทีมอย่างรูเบน เนเวส, ราอูล ฆิเมเนซ ที่ว่ากันว่าอาจเนื้อหอมในซัมเมอร์นี้กลับไม่มีทีมใดยื่นข้อเสนอซื้อตัว หากทั้งสองดาวดังรวมทั้งนักเตะแกนหลักของทีมคนอื่น ๆ อยู่กันครบและได้ดิเอโก้ คอสต้าจากแอตเลติโก้ มาดริดมาจริง ๆ ต้องบอกว่านี่คือหอกข้างแคร่ที่มองข้ามไม่ได้เลย

วัตฟอร์ดและบอร์นมัธ ด้วยสถานะทางการเงินและขนาดทีมของทั้งสองสโมสรความเป็นไปได้ในการลุ้นแย่งอันดับหัวตารางค่อนข้างลำบากกว่าทีมอื่น ๆ ที่เรากล่าวมา แต่อย่าลืมว่าทั้งสองทีมนี้เล่นฟุตบอลด้วยทีมเวิร์คและนักเตะที่เล่นกันมานานอย่างเข้าขารู้ใจก็พอมีสิทธิ์ให้ลุ้นแบบไกล ๆ อยู่เหมือนกัน

หากทีมอันดับรองเหล่านี้มองว่านี่คือโอกาสทองที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ และพยายามทุ่มสุดตัวเพื่อทำอันดับสู้กับทีมในกลุ่ม big 6 คงต้องบอกว่าพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่จะถึงนี้คงจะทวีความเข้มข้น ยกระดับให้ลีกฟุตบอลอังกฤษยิ่งแข็งแกร่งและน่าดูขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน

ดิ๊ก ลอว์ ชายผู้ก่อให้เกิดตำนาน 40+1

อาร์เซน่อลสโมสรใหญ่แห่งกรุงลอนดอนเคยเป็นสโมสรระดับแม่เหล็กที่บรรดาดาวดังอยากย้ายไปร่วมทีม ด้วยชื่อชั้นของผู้จัดการทีมอย่างอาร์แซน เวนเกอร์บวกกับสถานะของสโมสรที่มั่นคงจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในช่วงระยะเวลาสิบห้าปีที่ผ่านมาพวกเขาเคยเกือบได้ตัวทั้งคริสเตียโน่ โรนัลโด้และเลโอเนล เมสซี่มาแล้ว แต่กรณีของทั้งคู่ไม่ปรากฏเป็นข่าวดังเหมือนอย่างกรณีของหลุยส์ ซัวเรส เคสของเหยินจอมกัดแม้ไม่บรรลุข้อตกลงได้จริงแต่ก็กลายเป็นประเด็นที่ทั้งโลกฟุตบอลไม่มีวันลืมกับเหตุการณ์ 40 ล้านกับอีก 1 ปอนด์อันลือลั่นสั่นสะเทือนวงการฟุตบอล

ในปี 2013 ลิเวอร์พูลที่สถานะของทีมในตอนนั้นเป็นเพียงทีมลุ้นโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกถูกสโมสรระดับลุ้นแชมป์อย่างอาร์เซน่อลป่วนหนักด้วยการแสดงเจตจำนงค์ว่าจะเอาหลุยส์ ซัวเรสให้ได้ ซึ่งซัวเรสเองก็มีใจอ้อนวอนสโมสรให้ปล่อยตัวเขาไปซบทีมปืนใหญ่เพราะเห็นว่าอยู่กับทีมหงส์แดงโอกาสได้แชมป์สักรายการเป็นอะไรที่ยากจนแทบเป็นไปไม่ได้ ทว่าทีมหงส์แดงไม่ต้องการเงิน 25 ล้านปอนด์ที่อาร์เซน่อลเสนอให้ ข่าวตอนนั้นว่าพวกเขาตั้งค่าฉีกสัญญาศูนย์หน้าอุรุกวัยไว้ที่ 40 ล้านปอนด์ขึ้นไป ทีมการเงินของอาร์เซน่อลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยื่นเงินให้มากกว่า 40 ล้านปอนด์เท่านั้นพวกเขาจึงยื่นข้อเสนอ 40 ล้านกับอีก 1 ปอนด์ให้ลิเวอร์พูลพิจารณา แน่นอนว่านี่มันคือการไม่ให้ความเคารพต่อสโมสรลิเวอร์พูลแถมยังดูขี้เหนียวสุด ๆ แทนที่จะเป็น 40.5 หรือ 41 ล้านปอนด์ให้ดูสวย ๆ แต่ทีมปืนใหญ่กลับเลือกวิธีหัวหมอ ความขี้เหนียวนี้ของอาร์เซน่อลถูกจอห์น เฮนรี่เจ้าของสโมสรลิเวอร์พูลออกมาตำหนิแกมเสียดสีเลยว่า “พวกเขาเสพย์อะไรเข้าไป พวกเขาเมาควันอะไรกัน?” ข่าวนั้นนำมาซึ่งความอับอายแก่ทีมปืนใหญ่และเป็นที่มาของรหัส 40+1 กับ 40+1senal ที่พูดกันอย่างสนุกปากจนถึงทุกวันนี้

ผ่านมา 6 ปี ดิ๊ก ลอว์ หัวหน้าทีมบริหารนโยบายซื้อขายนักเตะของ 40+1senal เพิ่งเอะใจนึกขึ้นได้ว่าเรื่องนี้มันช่างเสื่อมเสียจึงเพิ่งไหวตัวแล้วออกมาแก้ข่าวกับสื่อในเดือนกรกฏาคม 2019 นี้ว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตัวเลข 40 ล้านปอนด์ไม่ใช่ค่าฉีกสัญญาแต่มันคือเงื่อนไขในสัญญาที่ระบุว่าหากทีมใดต้องการเปิดฉากการหารือกับผู้บริหารของลิเวอร์พูลเกี่ยวกับตัวเจ้าเหยินต้องแสดงความจริงใจยื่นข้อเสนอเข้าไปเกินตัวเลขนั้นก่อน พูดง่าย ๆ คือมันมีไว้เพื่อให้ทั้งสองทีมได้เปิดฉากพูดคุยกันเท่านั้น ต่ำกว่าตัวเลขดังกล่าวทีมหงส์แดงจะไม่ยอมเจรจาและ 40 ล้านบวกหนึ่งปอนด์หรือ 45 ล้านปอนด์มันก็มีค่าเท่ากันเพราะตัวเลขนี้ไม่ใช่ราคาค่าตัวนักเตะ ซัวเรสไม่ได้มีค่าฉีกสัญญาแต่อย่างใด

ไม่ทราบว่าเป็นคำสาปอะไรสโมสรอย่างอาร์เซน่อลถึงได้ทำอะไรเชื่องช้า ผิดจังหวะจะโคน ทำเรื่องพิลึก ๆ ไปเสียหมด หกปีผ่านไปผู้รับผิดชอบตัวจริงของเรื่องนี้เพิ่งจะออกมาแก้ข่าวปล่อยให้สโมสร ตัวอาร์แซน เวนเกอร์ รวมทั้งบอร์ดบริหารเป็นตัวโจ๊กที่ถูกสื่อและแฟนบอลล้อเลียนมานานโข การเปิดเผยความจริงในเวลานี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลยเพราะเหตุการณ์ 40+1 เป็นตำนานของโลกฟุตบอลไปแล้วและแม้จะมีความจริงมาหักล้างแต่แฟนฟุตบอลก็ยังคงชื่นชอบ 40+1 และยังจะนำมาเล่นกันต่อไปเพราะเรารู้สึกว่ามันฮาเกินกว่าจะลบออกจากความทรงจำ

สูตรสำเร็จฉบับ FC Barcelona

“รูปแบบ” เป็นตัวกำหนดตัวแปร วิธีการ จนไปถึงผลลัพธ์ที่ตามมา รูปแบบหลาย ๆ อย่างที่ตายตัว ใช้งานได้จริง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเราเรียกกันว่าสูตรสำเร็จ สูตรสำเร็จเหล่านี้อยู่ในทุกสิ่งรอบตัวเราไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ แต่ใครจะนึกว่าสูตรสำเร็จฉบับซื้อตัวซูเปอร์สตาร์จะมีอยู่ในวงการฟุตบอลด้วย สูตรสำเร็จที่ว่านี้มีวิธีการอย่างไรและใครใช้มันได้ผลบ้างมาดูกัน

เอฟซี บาร์เซโลน่าเป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ที่มีพร้อมทั้งสนามแข่งขันความจุมหาศาล ความสำเร็จระดับประเทศ ระดับทวีปหรือแม้แต่ระดับโลกก็ได้ครองมาแล้ว ถิ่นคัมป์ นูคือศูนย์รวมนักฟุตบอลระดับฝีเท้าเหนือมนุษย์ เต็มไปด้วยนักฟุตบอลระดับแม่เหล็กผู้ซึ่งมีดีกรีเป็นนักเตะทีมแชมป์โลก เป็นเบอร์ต้น ๆ ของโลก หรือนักเตะยอดเยี่ยมรางวัลฟีฟ่า บัลลงดอร์ จะเรียกว่าสโมสรใหญ่ในแดนกระทิงดุไม่เคยขาดนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์เลยก็ว่าได้ ส่วนสำคัญที่ทำให้พวกเขาไม่เคยขาดแคลนนักเตะชั้นดีก็คือความร่ำรวยของสโมสรและความสำเร็จที่เป็นชิ้นเป็นอัน จับต้องได้ แทบทุกฤดูกาลพวกเขาจะมีถ้วยรางวัลประดับตู้โชว์ของสโมสรอย่างน้อย ๆ ก็หนึ่งใบจนเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาต้องการนักเตะของทีมไหนกว่า 80-90% มักจะไม่พลาดได้เซ็นสัญญาเสมอ แต่ถึงกระนั้นบางสโมสรก็ไม่ได้อยากเสียดาวดังของพวกเขาให้กับทีมเจ้าบุญทุ่มแม้จะเป็นเงินก้อนใหญ่ขนาดไหนก็ตาม

กรณีนักเตะอยากย้ายไปบาร์เซโลน่าแต่ต้นสังกัดพยายามรั้งไว้เกิดขึ้นบ่อย ๆ เพราะทุกสโมสรไม่อยากเป็นลูกไล่ถูกบาร์ซ่าดูดนักเตะชั้นดีออกจากทีมไปเรื่อย ๆ สโมสรต่าง ๆ จึงพยายามแข็งข้อโดยตั้งค่าตัวนักฟุตบอลคนนั้น ๆ ให้แพงลิบลิ่วทำให้เป็นอุปสรรคในการปิดดีล และแทบทุกครั้งที่เกิดกรณีเช่นนี้จะมีเหตุการณ์แบบเดจาวูเกิดขึ้นเหมือน ๆ กันช่วงเริ่มเก็บตัวฝึกซ้อมปรี ซีซั่น หลายคนให้คำนิยามสิ่งนี้ว่า “สูตรสำเร็จของบาร์ซ่า” ในปี 2011 เชส ฟาเบรกัส ปี 2017 ฟิลิเป้ คูติญโญ่ และ อุสมาน เด็มเบเล่ ปี 2019 อองตวน กรีซมันน์กับเนย์มาร์ ทุกรายนามตามไทม์ไลน์แสดงออกถึงความไม่เป็นมืออาชีพพยายามแข็งข้อกับต้นสังกัดด้วยการไม่ไปรายงานตัวเข้าแคมป์ฝึกซ้อมก่อนเปิดฤดูกาลเพื่อบีบให้ต้นสังกัดยินยอมปล่อยตัวพวกเขาให้บาร์เซโลน่าแต่โดยดี

หากจะบอกว่าบาร์เซโลน่ามีส่วนรู้เห็นกับความประพฤติเช่นนี้ของนักเตะคงจะเป็นการกล่าวหาที่ร้ายแรงเกินไป แต่ถ้าถามอาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล, โบรุสเซีย ดอร์ทมุน พวกเขาต่างเคยจวกทีมต่างดาวออกสื่อตรง ๆ เลยว่าแอบเจรจากับนักเตะลับหลังต้นสังกัด มีการยุยง เป่าหูให้นักเตะของพวกเขาก่อกบฏ ล่าสุดแอตเลติโก้ มาดริดสโมสรร่วมลา ลีก้าไม่ยอมให้บาร์ซ่าทำตัวเป็นขาใหญ่อีกต่อไป กรณีหายหัวไม่ไปรายงานตัวของกรีซมันน์ถึงจุดแตกหัก พวกเขาออกแถลงการณ์โจมตีบาร์ซ่าและเตรียมนำเรื่องนี้รายงานต่อทั้งยูฟ่าและฟีฟ่าเพื่อพิจารณาบทลงโทษต่อไป

เจ้าข้าเอ๊ยยยย! เร่เข้ามาๆ ซุป’ตาร์เหล่านี้เรามีไว้ขาย

ผ่านพ้นวันที่ 1 กรกฏาคม 2019 นับเป็นการเข้าสู่ช่วงซื้อขายนักเตะอย่างเป็นทางการ บรรดาทีมใหญ่น้อยต่างมีโปรเจ็คในใจกันแล้ว แต่แผนงานที่วางไว้จะไม่สามารถบรรลุตามเป้าหมายได้เลยหากดึงนักเตะที่ต้องการเข้าสู่ทีมไม่ได้ผ่องถ่ายนักเตะขาออกไม่สำเร็จ ทั้งสองกระบวนการมีความเกี่ยวข้องเป็นตัวแปรของกันและกัน ยิ่งโดยเฉพาะในทีมใหญ่การขายซูเปอร์สตาร์ในทีมออกเพื่อนำเม็ดเงินมาดึงซูเปอร์สตาร์คนใหม่เข้าสู่ทีมนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง และนี่ก็คือบรรดาซุป’ตาร์ที่ถูกสโมสรใหญ่แปะป้ายขายในซัมเมอร์นี้

รัดย่า นาอิงโกลัน ตัวแสบหัวโมฮ็อกหมดอนาคตกับอินเตอร์ มิลานแน่นอนแล้วเนื่องจากมีปัญหาด้านวินัย แต่ในด้านฝีเท้าไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาคือกองกลางบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ที่ดีที่สุดคนหนึ่งในยุโรป อินเตอร์ฯ ที่รับมือกับนักเตะจอมป่วนไม่ไหวจึงแปะป้ายขายที่ 35 ล้านยูโรหวังระดมทุนเอาไปเป็นค่าตัวโรเมอู ลูกากูรุ่นน้องในทีมชาติของเขานั่นเอง

เมาโร อิคาร์ดี้ ดูเหมือนอินเตอร์ฯ จะเป็นทีมที่เต็มไปด้วยแบดบอย กองหน้าเจ้าปัญหาชาวอาร์เจนไตน์เองก็เป็นอีกคนที่ทีมงูใหญ่ไม่คิดจะเลี้ยงไว้อีกต่อไปเหตุผลก็เพราะด้านวินัยเช่นเดียวกัน อิคาร์ดี้ถูกแปะป้ายราคาไว้ที่ 65 ล้านยูโรและมียูเวนตุสทีมเดียวที่ยังด้อม ๆ มอง ๆ แม้จะรู้ว่าเสี่ยงแต่ทีมม้าลายคงต้องขอลอง

เมซุต โอซิล ซุป’ตาร์ขาลงของอาร์เซน่อลเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้งบประมาณของทีมปืนใหญ่จำกัดอยู่แค่ 40 ล้านปอนด์เพราะเขารับค่าเหนื่อยอยู่ที่ 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ถ้าสโมสรผ่องถ่ายเขาออกไปได้แบบยืมตัวทีมจะมีงบให้อูไน เอเมอร์รี่จับจ่ายนักเตะเพิ่มถึงปีละ 18.5 ล้านปอนด์และหากขายเขาออกไปได้ตามราคาที่ตั้งไว้จะได้เงินอีกไม่ต่ำกว่า 50 ล้านปอนด์ เสียก็แต่ยังไม่มีทีมใดแสดงความสนใจนี่สิ

คีแรน ทริปเปียร์ แบ็คขวาจอมบุกของท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์เป็นนักเตะที่เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ต้องการปล่อยตัวในซัมเมอร์นี้เพราะยังมีราคาดี ประกอบกับเล่นเกมรับไม่ได้ดังใจจึงถูกวางราคาไว้ที่ 35 ล้านปอนด์โดยมีนาโปลีกับยูเวนตุสเปิดโต๊ะเจรจาอยู่

มัลคอล์ม ปีกกึ่งกองหน้าชาวบราซิลจริง ๆ แล้วเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลบาร์เซโลน่าพอสมควร แต่สโมสรกำลังเจรจากับหลายทีมเพื่อขายเขาออกไปและมีข่าวว่าเจ้าตัวเป็นฝ่ายร้องขอขึ้นบัญชีย้ายทีมเองด้วยซ้ำ เพราะการไม่ติดทีมชาติในขณะที่เพื่อน ๆ คว้าแชมป์โคปา อเมริกาทำให้มัลคอล์มเกรงว่าในทัวร์นาเม้นต์หน้าอย่างฟุตบอลโลกเขาจะไม่ถูกเรียกไปติดทัพเซเลเซา บาร์ซ่าจึงแจ้งต่อทุกทีมที่สนใจว่ามัลคอล์มมีค่าตัวอยู่ที่ 40 ล้านยูโรลดหย่อนได้ตามสมควร

นักเตะระดับซูเปอร์สตาร์เหล่านี้ยี่ห้อตัวจริงทีมชาติ มีแชมป์ติดมือ จึงหายห่วงเรื่องฝีเท้าที่ผ่านการการันตีมาแล้วว่าเหลือกินเหลือใช้ ยามที่ต้นสังกัดยินดีจะขายนี้เป็นโอกาสดีที่ทีมระดับเดียวกันหรือทีมระดับรองลงไปมีสิทธิ์ได้ตัวในราคาถูกกว่าความเป็นจริง ซึ่งสุดท้ายแล้วรายนามเหล่านี้จะลงเอยกับสโมสรใดก่อนตลาดปิดเราคงได้ทราบไปพร้อม ๆ กัน

ตัวเลือกที่สามบัลลงดอร์ 2019

หลังจากจบเกมสุดท้ายของฤดูกาลที่สนามว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ในเมืองมาดริด สื่อหลายสำนักทำการคาดเดารายชื่อนักฟุตบอลผู้มีสิทธิ์คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของโลกหรือฟีฟ่า บัลลงดอร์ในทันที ซึ่งชื่อตัวเต็งห้าคนของปีนี้ก็หนีไม่พ้นเลโอเนล เมสซี่, เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นพาสโมสรประสบความสำเร็จได้ทั้งหมด

ฟุตบอลยุโรปรูดม่านปิดฉากฤดูกาล 2018-2019 ไปแค่เพียงสองสัปดาห์ ทีมชาติเนเธอร์แลนด์พ่ายแพ้ต่อทีมชาติโปรตุเกสชวดแชมป์ในฟุตบอลรายการยูฟ่า เนชั่นส์ลีก เวอร์กิล ฟาน ไดจ์คจึงกลายเป็นเพียงตัวเต็งอันดับที่สองรองจากเลโอเนล เมสซี่ ค่อนข้างน่าเสียดายที่ทีมกังหันสีส้มไม่ได้แชมป์เพราะถ้าคว้าแชมป์ระดับนานาชาติมาได้ฟาน ไดจ์คจะเป็นตัวเต็งแบบนอนมาทันที ดังนั้นกองหลังดีกรีแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกพ่วงรองแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ลีกผู้นี้จึงยังต้องรอดูบทสรุปของรายการใหญ่ที่ทวีปอเมริกาใต้ว่าคู่แข่งคนสำคัญอย่างเลโอเนล เมสซี่จะพาทีมคว้าแชมป์ระดับทวีปได้หรือไม่?

ท้ายที่สุดแล้วทีมชาติอาร์เจนติน่าคว้ามาได้เพียงอันดับที่สามของรายการ ได้เหรียญทองแดงในการแข่งขันโคปา อเมริกาแถมเมสซี่ยังโดนใบแดงถูกตะเพิดออกจากสนามและตบท้ายด้วยการวิจารณ์สมาพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้อย่างรุนแรง เมสซี่กล่าวหาองค์กรใหญ่ของทวีปว่ามีการช่วยเหลือให้ทีมชาติบราซิลได้แชมป์ ทั้งยังหลุดคำว่า “คอรัปชั่น” ออกมา ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่าจะหลุดออกจากปากผู้เล่นระดับนี้ แน่นอนด้วยภาพลักษณ์ต้องบอกว่าเจ้าของฟีฟ่า บัลลังดอร์ห้าสมัยจะไม่ได้รางวัลอันที่หกในปีนี้แน่นอน

หนทางสู่รางวัลอันทรงเกียรติของฟาน ไดจ์คโรยด้วยกลีบกุหลาบทันทีหลังจากเมสซี่ขุดหลุมฝังตัวเอง ทว่าหลังจากเกมชิงอันดับที่สามฟุตบอลโคปา อเมริกาผ่านไปเพียงหนึ่งวันทีมชาติบราซิลลงเตะนัดชิงชนะเลิศกับม้ามืดอย่างเปรูและเอาชนะไปได้ 3-1 ฉลองแชมป์บนแผ่นดินตัวเองท่ามกลางโมเม้นต์น่าประทับใจหลายอย่าง บัดนั้นชื่อของเพื่อนร่วมสโมสรลิเวอร์พูลอย่างอลิสซง เบ็คเกอร์กลับโผล่ขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งตัวเต็ง หายใจรดต้นคอเวอร์กิล ฟาน ไดจ์คแบบติด ๆ เพราะเขาได้รับรางวัลถุงมือทองคำด้วยผลงานสุดหรูลงสนาม 6 เกมเสียไปเพียงประตูเดียว เท่ากับว่าอลิสซงทำแฮตทริคได้รางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมในสามรายการที่ลงแข่งขันทั้งพรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกและโคปา อเมริกา

ก่อนทัวร์นาเม้นต์ที่บราซิลไม่มีใครนึกถึงอลิสซง เบ็คเกอร์แต่หลังจากปิดฉากการแข่งขันบนแผ่นดินเกิดเขาก็กลายเป็นตัวเลือกที่สาม เป็นม้ามืดและม้าตีนปลายที่มาแรงจี้ติดทั้งเมสซี่และฟาน ไดจ์คแบบสูสีเลยทีเดียว เพราะอลิสซงเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นมาเองด้วยการเป็นผู้รักษาประตูคนแรกที่สามารถคว้า Golden Gloves หรือถุงมือทองคำได้สามรางวัลภายในปีเดียว นั่นจึงทำให้เวลานี้เขาคู่ควรกับรางวัลอันทรงเกียรติไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านักฟุตบอลคนใดเลย

สัจธรรมที่เป็นจริง ‘กรรม’ คือผลของการกระทำ

วิลฟรีด ซาฮาดาวดังระดับ S ของสโมสรคริสตัน พาเลชเป็นนักเตะที่มีทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่ง และทักษะฟุตบอลระดับสุดยอด เขาเป็นนักเตะเนื้อหอมที่หลายสโมสรจับตาอยู่โดยเฉพาะท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์กับเชลซีที่พร้อมประเคนขันหมากสู่ขอถึงถิ่นเซลเฮิร์ส พาร์ค ทว่าเมื่อต้นฤดูกาลที่แล้วสองทีมดังจากลอนดอนก็ต้องอกหักเมื่อตัวรุกทีมชาติโกต ดิ วัวร์เลือกต่อสัญญากับทีมออกไปถึงปี 2023 และสัญญาใหม่นั้นทำให้เขาได้รับค่าเหนื่อยถึง 160,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ค่าตัวในสัญญาเดิมซึ่งมีมูลค่าแค่ 25 ล้านปอนด์ขยับขึ้นเป็น 60 ล้านปอนด์ทันทีนั่นทำให้สโมสรต่าง ๆ ต้องคิดหนักหากอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม

หลังจากจบฤดูกาลที่ผ่านมา วิลฟรีด ซาฮา รู้สึกอิ่มตัวกับการช่วยพาเลชที่มีเป้าหมายเพียงแค่อยู่รอดบนพรีเมียร์ลีกแล้วและรู้สึกว่าฝีเท้าของเขาคู่ควรกับการเล่นในฟุตบอลสโมสรยุโรปจึงประกาศชัดว่าอยากอำลาทีมไปหาความท้าทายใหม่กับสโมสรที่ได้เล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกหรืออย่างน้อย ๆ ก็ได้เล่นยูโรป้าลีก ความต้องการนี้ของซาฮาไม่ง่ายเลยเมื่อไม่มีทีมใดยื่นข้อเสนอให้พาเลชพิจารณาจนเหมือนคำประกาศนั้นเป็นการตบมือข้างเดียว ทีมสิงโตน้ำเงินครามถูกแบนจากฟีฟ่าไม่มีสิทธิ์ได้ตัวเขาในฤดูกาลที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน ส่วนท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ก็ยังรู้สึกเคือง ๆ ที่ถูกหักหน้าเพราะฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาเจรจากับต้นสังกัดนักเตะจนทุกอย่างลุล่วงแล้วแต่ดันติดที่ขั้นตอนสุดท้ายเพราะการเจรจาเงื่อนไขส่วนตัวล่มไม่เป็นท่า ซาฮาเล่นตัวกับสเปอร์โดยเรียกค่าเหนื่อยกว่า 210,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ซึ่งมากกว่าแฮร์รี่ เคนซูเปอร์สตาร์ของทีมด้วยซ้ำ ในท้ายที่สุดทีมดังจากลอนดอนเหนือจึงไม่เจรจาต่อและปล่อยให้เจ้าตัวขยายสัญญากับพาเลชออกไป

แต่แล้วอาร์เซน่อลก็เป็นทีมแรกที่ทำให้ซาฮาไม่ต้องคอยเก้อเมื่อทีมของอูไน เอเมอร์รี่แสดงความสนใจและขอเปิดการเจรจากับต้นสังกัดนักเตะเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แน่นอนว่าสโมสรระดับกลางอย่างพาเลชไม่มีนโยบายรั้งตัวผู้เล่นที่หมดใจแต่พวกเขาก็ไม่ใช่ทีมที่ปล่อยนักเตะราคาถูก ๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่ออาร์เซน่อลขอให้พวกเขาแสดงราคาพาเลชจึงแปะป้ายสุดช็อกด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ถ้วน มากกว่าค่าตัวตามประเมินถึง 20 ล้านปอนด์ อูไน เอเมอร์รี่นับนิ้วอย่างไรงบประมาณในการทำทีมแค่ 40 ล้านปอนด์ของเขาก็ไม่สามารถได้ตัวดาวดังผู้นี้แน่ ๆ จึงพยายามหาทางทำให้พาเลชยอมลดค่าตัวหรือไม่ก็ต้องขายนักเตะในทีมระดมทุนเพื่อให้ได้เม็ดเงินใกล้เคียงที่สุด ความพยายามแรกของทีมปืนใหญ่จึงนำมาซึ่งความขบขันของแฟนบอลเมื่อพวกเขาทุ่มเงินทั้งก้อนเป็นข้อเสนอซื้อตัววิลฟรีด ซาฮา 40 ล้านปอนด์คือเงินเพียงครึ่งเดียวที่พาเลชตั้งไว้และอาร์เซน่อลก็ทราบดีแต่ก็พยายามทู่ซี้ยื่นเสนอไปเผื่อฟลุ๊คหรืออาจทำให้สโมสรร่วมกรุงลอนดอนด้วยกันเกิดความเห็นใจ ทว่า…นี่คือธุรกิจและแม้ผู้บริหารสโมสรทีมปราสาทเรือนแก้วจะเห็นใจทีมเบี้ยน้อยหอยน้อยแต่ก็รับข้อเสนอนี้ไม่ได้จึงปัดตกและบอกอาร์เซน่อลว่าให้ยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจมากกว่านี้เข้ามา ไม่นานนักพี่ชายของนักเตะดังออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าน้องชายของเขาเป็นแฟนบอลตัวยงของอาร์เซน่อลดังนั้นการเล่นให้ทีมปืนใหญ่จึงเป็นความใฝ่ฝันของเขา การออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ก็เพื่ออ้อนวอนขอให้สโมสรคริสตัน พาเลชเห็นใจและยอมลดค่าตัวเพื่อให้ผู้เป็นน้องได้ทำตามความฝัน

คำสัมภาษณ์นี้เป็นแค่ลมผ่านหูผู้บริหารสโมสรเท่านั้นเพราะสิ่งที่พอจะทำให้พวกเขาเงี่ยหูฟังได้คือตัวเลขที่ใกล้เคียงกับป้ายราคาเท่านั้น แน่นอนว่าตอนนี้ซาฮาคงนึกกินแหนงแคลงใจว่าถ้าตอนนั้นเขาไม่เลือกหักหน้าทีมไก่เดือยทองด้วยความอยากหยามทีมคู่ปรับของสโมสรในดวงใจป่านนี้เขาคงได้สวมยูนิฟอร์มของอาร์เซน่อลด้วยค่าตัวไม่ถึง 25 ล้านปอนด์ไปแล้ว ซึ่งนี่คือบทเรียนราคาแพง แพงจริง ๆ แพงกว่า 80 ล้านปอนด์แน่ะ