ดิ๊ก ลอว์ ชายผู้ก่อให้เกิดตำนาน 40+1

อาร์เซน่อลสโมสรใหญ่แห่งกรุงลอนดอนเคยเป็นสโมสรระดับแม่เหล็กที่บรรดาดาวดังอยากย้ายไปร่วมทีม ด้วยชื่อชั้นของผู้จัดการทีมอย่างอาร์แซน เวนเกอร์บวกกับสถานะของสโมสรที่มั่นคงจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในช่วงระยะเวลาสิบห้าปีที่ผ่านมาพวกเขาเคยเกือบได้ตัวทั้งคริสเตียโน่ โรนัลโด้และเลโอเนล เมสซี่มาแล้ว แต่กรณีของทั้งคู่ไม่ปรากฏเป็นข่าวดังเหมือนอย่างกรณีของหลุยส์ ซัวเรส เคสของเหยินจอมกัดแม้ไม่บรรลุข้อตกลงได้จริงแต่ก็กลายเป็นประเด็นที่ทั้งโลกฟุตบอลไม่มีวันลืมกับเหตุการณ์ 40 ล้านกับอีก 1 ปอนด์อันลือลั่นสั่นสะเทือนวงการฟุตบอล

ในปี 2013 ลิเวอร์พูลที่สถานะของทีมในตอนนั้นเป็นเพียงทีมลุ้นโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกถูกสโมสรระดับลุ้นแชมป์อย่างอาร์เซน่อลป่วนหนักด้วยการแสดงเจตจำนงค์ว่าจะเอาหลุยส์ ซัวเรสให้ได้ ซึ่งซัวเรสเองก็มีใจอ้อนวอนสโมสรให้ปล่อยตัวเขาไปซบทีมปืนใหญ่เพราะเห็นว่าอยู่กับทีมหงส์แดงโอกาสได้แชมป์สักรายการเป็นอะไรที่ยากจนแทบเป็นไปไม่ได้ ทว่าทีมหงส์แดงไม่ต้องการเงิน 25 ล้านปอนด์ที่อาร์เซน่อลเสนอให้ ข่าวตอนนั้นว่าพวกเขาตั้งค่าฉีกสัญญาศูนย์หน้าอุรุกวัยไว้ที่ 40 ล้านปอนด์ขึ้นไป ทีมการเงินของอาร์เซน่อลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยื่นเงินให้มากกว่า 40 ล้านปอนด์เท่านั้นพวกเขาจึงยื่นข้อเสนอ 40 ล้านกับอีก 1 ปอนด์ให้ลิเวอร์พูลพิจารณา แน่นอนว่านี่มันคือการไม่ให้ความเคารพต่อสโมสรลิเวอร์พูลแถมยังดูขี้เหนียวสุด ๆ แทนที่จะเป็น 40.5 หรือ 41 ล้านปอนด์ให้ดูสวย ๆ แต่ทีมปืนใหญ่กลับเลือกวิธีหัวหมอ ความขี้เหนียวนี้ของอาร์เซน่อลถูกจอห์น เฮนรี่เจ้าของสโมสรลิเวอร์พูลออกมาตำหนิแกมเสียดสีเลยว่า “พวกเขาเสพย์อะไรเข้าไป พวกเขาเมาควันอะไรกัน?” ข่าวนั้นนำมาซึ่งความอับอายแก่ทีมปืนใหญ่และเป็นที่มาของรหัส 40+1 กับ 40+1senal ที่พูดกันอย่างสนุกปากจนถึงทุกวันนี้

ผ่านมา 6 ปี ดิ๊ก ลอว์ หัวหน้าทีมบริหารนโยบายซื้อขายนักเตะของ 40+1senal เพิ่งเอะใจนึกขึ้นได้ว่าเรื่องนี้มันช่างเสื่อมเสียจึงเพิ่งไหวตัวแล้วออกมาแก้ข่าวกับสื่อในเดือนกรกฏาคม 2019 นี้ว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตัวเลข 40 ล้านปอนด์ไม่ใช่ค่าฉีกสัญญาแต่มันคือเงื่อนไขในสัญญาที่ระบุว่าหากทีมใดต้องการเปิดฉากการหารือกับผู้บริหารของลิเวอร์พูลเกี่ยวกับตัวเจ้าเหยินต้องแสดงความจริงใจยื่นข้อเสนอเข้าไปเกินตัวเลขนั้นก่อน พูดง่าย ๆ คือมันมีไว้เพื่อให้ทั้งสองทีมได้เปิดฉากพูดคุยกันเท่านั้น ต่ำกว่าตัวเลขดังกล่าวทีมหงส์แดงจะไม่ยอมเจรจาและ 40 ล้านบวกหนึ่งปอนด์หรือ 45 ล้านปอนด์มันก็มีค่าเท่ากันเพราะตัวเลขนี้ไม่ใช่ราคาค่าตัวนักเตะ ซัวเรสไม่ได้มีค่าฉีกสัญญาแต่อย่างใด

ไม่ทราบว่าเป็นคำสาปอะไรสโมสรอย่างอาร์เซน่อลถึงได้ทำอะไรเชื่องช้า ผิดจังหวะจะโคน ทำเรื่องพิลึก ๆ ไปเสียหมด หกปีผ่านไปผู้รับผิดชอบตัวจริงของเรื่องนี้เพิ่งจะออกมาแก้ข่าวปล่อยให้สโมสร ตัวอาร์แซน เวนเกอร์ รวมทั้งบอร์ดบริหารเป็นตัวโจ๊กที่ถูกสื่อและแฟนบอลล้อเลียนมานานโข การเปิดเผยความจริงในเวลานี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลยเพราะเหตุการณ์ 40+1 เป็นตำนานของโลกฟุตบอลไปแล้วและแม้จะมีความจริงมาหักล้างแต่แฟนฟุตบอลก็ยังคงชื่นชอบ 40+1 และยังจะนำมาเล่นกันต่อไปเพราะเรารู้สึกว่ามันฮาเกินกว่าจะลบออกจากความทรงจำ

สัจธรรมที่เป็นจริง ‘กรรม’ คือผลของการกระทำ

วิลฟรีด ซาฮาดาวดังระดับ S ของสโมสรคริสตัน พาเลชเป็นนักเตะที่มีทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่ง และทักษะฟุตบอลระดับสุดยอด เขาเป็นนักเตะเนื้อหอมที่หลายสโมสรจับตาอยู่โดยเฉพาะท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์กับเชลซีที่พร้อมประเคนขันหมากสู่ขอถึงถิ่นเซลเฮิร์ส พาร์ค ทว่าเมื่อต้นฤดูกาลที่แล้วสองทีมดังจากลอนดอนก็ต้องอกหักเมื่อตัวรุกทีมชาติโกต ดิ วัวร์เลือกต่อสัญญากับทีมออกไปถึงปี 2023 และสัญญาใหม่นั้นทำให้เขาได้รับค่าเหนื่อยถึง 160,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ค่าตัวในสัญญาเดิมซึ่งมีมูลค่าแค่ 25 ล้านปอนด์ขยับขึ้นเป็น 60 ล้านปอนด์ทันทีนั่นทำให้สโมสรต่าง ๆ ต้องคิดหนักหากอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม

หลังจากจบฤดูกาลที่ผ่านมา วิลฟรีด ซาฮา รู้สึกอิ่มตัวกับการช่วยพาเลชที่มีเป้าหมายเพียงแค่อยู่รอดบนพรีเมียร์ลีกแล้วและรู้สึกว่าฝีเท้าของเขาคู่ควรกับการเล่นในฟุตบอลสโมสรยุโรปจึงประกาศชัดว่าอยากอำลาทีมไปหาความท้าทายใหม่กับสโมสรที่ได้เล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกหรืออย่างน้อย ๆ ก็ได้เล่นยูโรป้าลีก ความต้องการนี้ของซาฮาไม่ง่ายเลยเมื่อไม่มีทีมใดยื่นข้อเสนอให้พาเลชพิจารณาจนเหมือนคำประกาศนั้นเป็นการตบมือข้างเดียว ทีมสิงโตน้ำเงินครามถูกแบนจากฟีฟ่าไม่มีสิทธิ์ได้ตัวเขาในฤดูกาลที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน ส่วนท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ก็ยังรู้สึกเคือง ๆ ที่ถูกหักหน้าเพราะฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาเจรจากับต้นสังกัดนักเตะจนทุกอย่างลุล่วงแล้วแต่ดันติดที่ขั้นตอนสุดท้ายเพราะการเจรจาเงื่อนไขส่วนตัวล่มไม่เป็นท่า ซาฮาเล่นตัวกับสเปอร์โดยเรียกค่าเหนื่อยกว่า 210,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ซึ่งมากกว่าแฮร์รี่ เคนซูเปอร์สตาร์ของทีมด้วยซ้ำ ในท้ายที่สุดทีมดังจากลอนดอนเหนือจึงไม่เจรจาต่อและปล่อยให้เจ้าตัวขยายสัญญากับพาเลชออกไป

แต่แล้วอาร์เซน่อลก็เป็นทีมแรกที่ทำให้ซาฮาไม่ต้องคอยเก้อเมื่อทีมของอูไน เอเมอร์รี่แสดงความสนใจและขอเปิดการเจรจากับต้นสังกัดนักเตะเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แน่นอนว่าสโมสรระดับกลางอย่างพาเลชไม่มีนโยบายรั้งตัวผู้เล่นที่หมดใจแต่พวกเขาก็ไม่ใช่ทีมที่ปล่อยนักเตะราคาถูก ๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่ออาร์เซน่อลขอให้พวกเขาแสดงราคาพาเลชจึงแปะป้ายสุดช็อกด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ถ้วน มากกว่าค่าตัวตามประเมินถึง 20 ล้านปอนด์ อูไน เอเมอร์รี่นับนิ้วอย่างไรงบประมาณในการทำทีมแค่ 40 ล้านปอนด์ของเขาก็ไม่สามารถได้ตัวดาวดังผู้นี้แน่ ๆ จึงพยายามหาทางทำให้พาเลชยอมลดค่าตัวหรือไม่ก็ต้องขายนักเตะในทีมระดมทุนเพื่อให้ได้เม็ดเงินใกล้เคียงที่สุด ความพยายามแรกของทีมปืนใหญ่จึงนำมาซึ่งความขบขันของแฟนบอลเมื่อพวกเขาทุ่มเงินทั้งก้อนเป็นข้อเสนอซื้อตัววิลฟรีด ซาฮา 40 ล้านปอนด์คือเงินเพียงครึ่งเดียวที่พาเลชตั้งไว้และอาร์เซน่อลก็ทราบดีแต่ก็พยายามทู่ซี้ยื่นเสนอไปเผื่อฟลุ๊คหรืออาจทำให้สโมสรร่วมกรุงลอนดอนด้วยกันเกิดความเห็นใจ ทว่า…นี่คือธุรกิจและแม้ผู้บริหารสโมสรทีมปราสาทเรือนแก้วจะเห็นใจทีมเบี้ยน้อยหอยน้อยแต่ก็รับข้อเสนอนี้ไม่ได้จึงปัดตกและบอกอาร์เซน่อลว่าให้ยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจมากกว่านี้เข้ามา ไม่นานนักพี่ชายของนักเตะดังออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าน้องชายของเขาเป็นแฟนบอลตัวยงของอาร์เซน่อลดังนั้นการเล่นให้ทีมปืนใหญ่จึงเป็นความใฝ่ฝันของเขา การออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ก็เพื่ออ้อนวอนขอให้สโมสรคริสตัน พาเลชเห็นใจและยอมลดค่าตัวเพื่อให้ผู้เป็นน้องได้ทำตามความฝัน

คำสัมภาษณ์นี้เป็นแค่ลมผ่านหูผู้บริหารสโมสรเท่านั้นเพราะสิ่งที่พอจะทำให้พวกเขาเงี่ยหูฟังได้คือตัวเลขที่ใกล้เคียงกับป้ายราคาเท่านั้น แน่นอนว่าตอนนี้ซาฮาคงนึกกินแหนงแคลงใจว่าถ้าตอนนั้นเขาไม่เลือกหักหน้าทีมไก่เดือยทองด้วยความอยากหยามทีมคู่ปรับของสโมสรในดวงใจป่านนี้เขาคงได้สวมยูนิฟอร์มของอาร์เซน่อลด้วยค่าตัวไม่ถึง 25 ล้านปอนด์ไปแล้ว ซึ่งนี่คือบทเรียนราคาแพง แพงจริง ๆ แพงกว่า 80 ล้านปอนด์แน่ะ