ดเวย์น เดอะร็อค’จอห์นสัน (Dwayne The Rock Johnson) และรอยสักมหัศจรรย์ของเขา

ดเวย์น เดอะร็อค’จอห์นสัน (Dwayne The Rock Johnson) หรือชื่อที่นิยมเรียกสั้น ๆ และเป็นที่รู้จักทั้งในวงการมวยปล้ำและดารานักแสดง โปรดิวเซอร์วงการฮอลลีวูดชาวอเมริกันชื่อดังว่า… เดอะร็อค นอกจากนี้ยังมีความสามารถและบทบาทอื่น ๆ อีกหลากหลายทีเดียว ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก บนตัวของเขามีรอยสักที่ดูแล้วน่าสะดุดตาเป็นอย่างมาก บนหน้าอกและแขนข้างซ้าย ซึ่งหลาย ๆ คนที่เห็นแล้วรู้สึกถึงความมหัศจรรย์เกี่ยวกับรอยสักของเขาเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าต้องมีที่มาที่ไปและความหมายที่หลาย ๆ คนอยากทราบเกี่ยวกับเรื่องราวรอยสักนั้น เพราะว่า เดอะร็อคเป็นที่ชื่นชอบของคนในหลายวงการ ต้องยอมรับว่าตัวเขาและความสามารถของเขามีเสน่ห์มาก รวมถึงเสน่ห์ในรอยสักนั้นด้วย

 ทำความรู้จักกับรอยสัก The Rock ตัวตนที่ซ่อนเอาไว้นั้นคืออะไร

  1. รอยสักชนเผ่า ถือว่ามีความโดดเด่นอยู่บนไหล่และแขนของ เดอะร็อค ที่ดูเผินมีความคลาสสิกสวยงามอย่างศิลปะแต่ความหมายที่แฝงอยู่คือ หมายถึงครอบครัว การปกป้องครอบครัวและมีจิตวิญญาณนักรบผู้องอาจกล้าหาญ โดยแยกเป็นส่วนของ
    – ดวงตาที่ยิ่งใหญ่ซึ่งซ่อนจิตวิญญาณของศัตรูเอาไว้ มักจะทำให้ไขว่เขวลังเลในยามเผชิญหน้า
    – การหมุนรอบบริเวณไหล่ แสดงถึงเรื่องราวของเขาทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต
    – วิญญาณนักรบ เชื่อว่าจะช่วยให้เขาเอาชนะอุปสรรคได้ นี่คือเหตุผลสำคัญที่สักเอาไว้ทำมันเหนือหัวใจ
    – ใบมะพร้าวบนไหปลาร้า คือ สัญลักษณ์แทน หัวหน้านักรบซามัวและมีดวงอาทิตย์ด้านหลัง สื่อถึงแสงสว่างและความโชคดี
    – รูปครอบครัวบนหน้าอกและสองตา สื่อถึงครอบครัวที่เข้ารักและบรรพบุรุษที่เคารพรักเช่นกัน
    – ใบหน้าที่หักซึ่งมีฟันฉลามแสดงถึงผู้พิทักษ์จิตวิญญาณของเขาและการต่อสู้ดิ้นรนตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง
    – นักบวชซึ่งจะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณช่วยให้นักรบมีพลังเหนือธรรมชาติ
    – หิน สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จและความอุดมสมบูรณ์
    – กระดองเต่า เป็นเกราะป้องกันจากวิญญาณและสิ่งชั่วร้าย
  2. รอยสักรูปกระทิงและวิวัฒนาการที่น่าอัศจรรย์ มันคือสิ่งที่สามารถบรรยายชีวิตของเขาได้ดีและน่าจดจำ ตั้งแต่เริ่มชีวิตของการเป็นเดอะร็อคคนธรรมดา แล้วมาเป็นนักมวยปล้ำที่มีชื่อเสียงจากความสามารถและความบากบั่นพยายามแล้วยังได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในวงการฮอลลีวูด ซึ่งใคร ๆ ก็ใฝ่ฝันในความสำเร็จแบบเขา รอยสักนี้มีไว้เพื่อเตือนถึงความมีพลังที่ไม่หยุดยั้งเพื่อจะก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม

The Rock กับสังเวียนมวยปล้ำที่ทำให้กลายเป็นไอดอลของนักมวยปล้ำรุ่นใหม่

เดอะร็อค คือสายเลือดของนักมวยปล้ำอย่างแท้จริง ตั้งแต่รุ่นปู่ จึงได้ซึมซับวิถีชีวิตของการเป็นนักกีฬามวยปล้ำ และด้วยความเอาจริงเอาจังจึงได้กลายเป็นดาวเด่นที่มีลีลาการชกบนสังเวียนมวยปล้ำอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะ สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้แบบสวยงาม จนเรียกได้ว่าเป็นนักมวยปล้ำมืออาชีพและซูเปอร์สตาร์เจ้าสังเวียน โดยมีรางวัลขวัญใจมหาชน หรือ ThePeople Champ นอกจากนี้ยังคว้าแชมป์โลกมวยปล้ำอีกหลายรายการอย่างเช่น สังเวียน WWE, WCW เป็นต้น จึงน่ายกย่องและน่าเอาเป็นแบบอย่างของการเป็นนักกีฬาที่ดีได้

รอยสักนักบาสเกตบอล NBA ที่ดูดีและมีเสน่ห์ไม่แพ้ใคร

นักบาสเกตบอลในระดับโลก ความสนใจของแฟน ๆ กับรอยสักของพวกเขาอาจจะไม่ใช่ประเด็นร้อนแรงเหมือนกับนักฟุตบอล หรือนักมวย แต่นักกีฬาบางคนก็มีรอยสักที่ดูดีและโดดเด่นไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วยังสามารถสื่อความหมายเพื่อบอกความเป็นตัวเองได้เป็นอย่างดีเช่นกัน แฟนตัวยงนักบาสเกตบอลชื่อดังอาจจะสะดุดตาได้เลยกับรอยสักนั้นเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าคือใคร ซึ่งเหตุผลในการมีรอยสักนั้นก็คล้าย ๆ กับนักกีฬาประเภทอื่น ๆ มันสามารถบอกถึงความทรงจำบางอย่างในชีวิตที่สำคัญ เป็นประสบการณ์ทั้งดีและไม่ดี ซึ่งพวกเขาอยากเก็บเอาไว้ อย่างน้อยก็เพื่อเตือนใจตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ จุดเริ่มต้น สิ่งที่วาดฝัน หรือสิ่งที่รักและหวงแหนที่สุดในชีวิตก็ตาม นอกจากนี้อาจจะมาจากเหตุผลของความสวยงาม ดูดีและหลงใหลในศิลปะของรอยสักก็ได้เช่นกัน

3 ผู้เล่นบาสเกตบอล NBA ที่มีรอยสักที่ดูดีและสวยงามที่สุด

1.ออสติน ริเวอร์ (Austin Rivers) นักกีฬาชื่อดังแห่งวงการ NBA กับรอยสักสุดคูล ไม่แพ้ความสามารถของเขา อย่างเช่น สักอักษร G.F.B ซึ่ง G หมายถึงพระเจ้า F หมายถึงครอบครัวของเขาและ B หมายถึงบาสเกตบอล ด้านล่างมีสัญลักษณ์ของไม้กางเขนหัวใจและแป้นบาสเกตบอล สิ่งเหล่านี้คือชีวิตและจิตวิญญาณของเขานั่นเอง, รอยสัก FAITH ข้างมือขวามีความหมายถึงความศรัทธาและรอยสักที่เป็นเหมือนข้อความยาว ๆ บางอย่างใต้แขนซ้าย ความหมายของข้อความนั้นคือวิธีเอาชนะความกดดันและความล้มเหลวที่ใช้ได้ผลกับตัวเอง และยังมีรอยสักอีกหลายรูป คือ รูปพระเยซูและพระแม่มารี, ภาพวาดของมาร์ตินลูเธอร์คิงและดอกกุหลาบ ล้วนแต่มีความหมายและยังสวยงามอีกด้วย

2.เจเจ เรดดิค (JJ Redick) เป็นนักบาสเกตบอลมืออาชีพชาวอเมริกันที่เล่นให้กับทีม New Orleans Pelicans ของ NBA และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ผู้มีรอยสักที่ให้ตัวของเขาได้รู้ว่าพระเจ้าได้มอบสิ่งหนึ่งเอาไว้ให้กับเขา อย่างเช่น ข้อพระคัมภีร์บนแขนขวา, รูปนางฟ้าปีกเปิดบนไหล่ซ้าย, รูปนกอินทรีย์บนแขนซ้าย, วัวและสิงโตมีปีก ซึ่งเป็นการสื่อความหมายในทางความศรัทธาในศาสนา

3.เลอบรอนเจมส์ (Lebron James) ดาวเด่นแห่ง Los Angeles Lakers NBA เขามีรอยสักที่น่าสนใจบนร่างกายมากเช่นกัน โดยเฉพาะสักคำว่า CHOSEN1 ซึ่งก็คือผู้ที่ถูกเลือกอีกหนึ่งคน ให้เป็นบุคคลสำคัญที่น่ายกย่อง, สิงโตสวมมงกุฎสื่อถึงการเริ่มต้นชีวิตนักบาสเกตบอลใน NBA, WITNESS หลังจากประสบความสำเร็จในปี พ.ศ.2549 และรอยสักครอบครัว ทั้งที่สื่อถึงแม่ในคำว่า Gloria รูปลูกชายของเขาและอักษรย่อชื่อของเขาเอง L และ J บนแขนซ้ายและขวา เป็นต้น

ความหมายของรอยสัก นำพาชัยชนะในเกมการแข่งขันได้…จริงหรือไม่

ส่วนหนึ่งของชัยชนะในเกมการแข่งขันกีฬาก็คือ กำลังใจที่ดี นอกจากการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงแล้ว เพราะการมีที่พึ่งทางใจจะสามารถทำให้เกิดความฮึกเหิม กระหายชัยชนะได้มากขึ้น เหมือนทำให้เกิดพลังที่จะเล่นตลอดเกมการแข่งขัน ในกีฬาบาสเกตบอลก็เช่นกัน ความหมายต่าง ๆ จากรอยสักบนตัวนักกีฬาจะคอยเตือนให้พวกเขามีกำลังใจที่ดีอยู่เสมอ ไม่คิดย่อท้อต่ออุปสรรคที่ต้องพบเจอทั้งในเกมและนอกเกมการแข่งขัน จึงทำให้ได้ก้าวขึ้นสู่นักกีฬาระดับโลกได้อย่างสง่างาม

รอยสักนักฟุตบอล โดดเด่นและเป็นตัวเองในแบบฉบับนักเตะดัง

รอยสักกับเหล่านักกีฬา โดยเฉพาะนักฟุตบอลชื่อดัง เหมือนเป็นแฟชั่นที่ออกแนวศิลปะบนผิวกาย แต่มีความหมายอันลึกซึ้งไม่มากก็น้อย เพราะแต่ละรอยสักนั้นมีที่มาที่ไปที่เกี่ยวข้องกับนักเตะชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของครอบครัว คนรัก สถานที่สำคัญ การแข่งขันนัดประวัติศาสตร์ หรือสัญลักษณ์ประจำตัวที่เจ้าตัวมีความเชื่อว่าดี นำโชคมาให้อยู่เสมอ แม้กระทั่งเพื่อเป็นกำลังใจและแรงบันดาลใจบางอย่าง ไม่ว่าจะรอยสักแบบไหนก็ทำให้บรรดาแฟนคลับสนใจและอยากทราบเกี่ยวกับรอยสักเหล่านั้น จนบางคนนำไปสักเลียนแบบก็มีเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีความสวยงามจากศิลปะการวาดลวดลายของรอยสักจนเป็นความโดดเด่นหนึ่งประจำตัวของนักกีฬา เพราะมีลวดลายแปลกตา สวยและสง่างาม

รอยสักสวย 3 สไตล์แบบไอดอลขวัญใจแฟนบอล

  1. เมมฟิส เดอปาย (Memphis Depay) กับรอยสักรูปสิงโตเต็มแผ่นหลัง เพื่อบ่งบอกว่าเข้ามีความกล้าหาญและพร้อมสู้ทุกเวลา เพราะสิงโตเป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่ง ถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างหัวใจแกร่ง ไม่เกรงกลัวต่ออุปสรรคที่ต้องพบเจอ หรือ รูปรอยสักวงกลมเล็ก ๆ ที่ข้อมือ มีความหมายถึงความสัมพันธ์อันดีงามภายในครอบครัวและผองเพื่อนที่แสดงออกถึงความมีมิตรภาพ ความจริงใจซึ่งกันและกัน
  2. อัลเบร์โต โมเรโน (Alberto Moreno) กับรอยสักสะดุดตาแบบ 4 สัตว์ที่สื่อถึงความหมายอันลึกซึ้ง คือ
    – รูปลิงใส่แว่นตา หูฟังและถือปืนปิดปากเอาไว้ เพื่อสื่อถึงการหลักการใช้ชีวิตที่ดีในแบบของเขา คือ ไม่ดู ไม่ฟังและไม่พูดถึงสิ่งที่ไม่ดี เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา
    – รูปเสือดาวพันผ้าพันคอลายสวย ซึ่งแสดงความหมายถึง ภายใต้ความละเอียดอ่อนนั้นก็สามารถมีความดุร้ายซ่อนอยู่ได้เช่นกัน
    – รูปหมีแพนด้าสวมหมวกและแว่นตาข้างเดียวแล้วยังคาบไปป์อีกด้วย ดูเหมือนไร้เดียงสาและน่ารัก แต่มันแสดงลึกซึ้งถึงความมีสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดอยู่ลึก ๆ
    – รูปหมาน้อยน่ารักที่มีชื่อว่าอาลีสวมนวมและตั้งการ์ดพร้อมเสมอ เพื่อทำให้เจ้าหมาน้อยนั้นก็มีความแข็งแกร่งเช่นกัน
  3. นักเตะขวัญใจแฟนบอลตลอดกาลอย่าง เดวิด เบ็คแฮม (David Beckham) ที่มีรอยสักหลากหลายและความหมายกินใจ อย่างรูปพระเยซู เทพผู้พิทักษ์ ชื่อลูกชายและชื่อของภรรยาสุดที่รัก และเลขประตัวของเขาซึ่งเป็นเลขสร้างชื่อเสียงให้กับเขามาอย่างยาวนาน คือเลข 7 เป็นภาษาโรมัน

นักฟุตบอลมีรอยสักดีอย่างไร…ทำไมส่วนใหญ่จึงต้องมี

การเลือกศิลปะบนเรือนร่างอย่างรอยสักรูปต่าง ๆ ของเหล่านักเตะดังนั้น นอกจากความสวยงามและความเชื่อแล้วยังสามารถสร้างกำลังใจและความมั่นใจเวลาลงท่าแข้งได้เป็นอย่างดีเช่นกัน เพราะเหมือนได้พกพากำลังใจจากรอยสักนั้นลงสนามได้ด้วย อย่างเช่น รูป หรือชื่อคนในครอบครัวซึ่งนิยมกันมากเป็นอันดับหนึ่ง ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยจากสิ่งต่าง ๆ รอบตัวก็ไม่ท้อถอย ยังยืนหยัดสู้ต่อไปได้อย่างมั่นใจและมีความมั่นคง จนกลายเป็นนักเตะที่มีผู้คนชื่นชอบ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

รอยสักเพื่อบันทึกระยะห่างจากเกียรติยศ ของเมาริซิโอ ปินิลลา

งานศิลปะบนเรือนร่างอย่างการสักนั้น ผู้นิยมการสักย่อมจะมีแรงบันดาลใจต่าง ๆ กันออกไป ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของลวดลาย ความชื่นชอบส่วนตัว ความประทับใจ แต่สำหรับเมาริซิโอ ปินิลลา เขาเลือกที่จะจารึกความผิดหวังของเขาไว้บนเรือนร่างตัวเอง เพื่อย้ำเตือนตัวเขาเองไปตลอดชีวิต

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 กับการแข่งขัน เวิร์ลด์คัพ ฉบับแซมบ้า บนแผ่นดินที่ได้ชื่อว่าประเทศแห่งฟุตบอลอย่างบราซิล ในการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นการพบกันระหว่าง 2 ทีมจากทวีปอเมริกาใต้ อย่างเจ้าภาพบราซิล เจอกับทีมชาติชิลี การแข่งขันในเวลาปกติ จบลงที่สกอร์ 1 ประตูต่อ 1 โดยบราซิลได้ประตูออกนำไปก่อนจาก ดาวิด ลุยซ์ และถูกชิลีตามตีเสมอจาก อเล็กซิส ซานเชส ซูเปอร์สตาร์ประจำทีม จึงทำให้ต้องมีการต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที การแข่งขันในช่วงต่อเวลาเป็นไปอย่างสูสีทั้งสองทีมผลัดกันรุกรับ และมีโอกาสทำประตูได้พอกัน แต่สกอร์ยังเสมอกันอยู่ที่ 1 ประตูต่อ 1 จนกระทั่งนาทีที่ 119 กว่า ๆ นาทีสุดท้ายของการต่อเวลา ปินิลลา พักบอลจากการเตะขึ้นมาของผู้รักษาประตู ก่อนทำชิ่งกับอเล็กซิส ซานเชส เข้าไปสับไกบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ลูกบอลพุ่งแรงชนิดที่เรียกว่า ฮูลิโอ เซซาร์ ผู้รักษาประตูบราซิลไม่มีสิทธิ์ป้องกัน แต่ทว่ามันกลับพุ่งไปชนคานเข้าอย่างจัง และหลังจังหวะนั้นของเขาก็จบเกมทันที และที่มันน่าเศร้ากว่านั้น คือทีมของเขาแพ้จุดโทษ ด้วยสุดยอดฟอร์มของเซซาร์ ที่เซฟจุดโทษได้ถึง 3 ลูก และหนึ่งใน 3 คนที่โดนเซฟ ก็มีชื่อเขาอีกเช่นกัน

ด้วยความผิดหวังครั้งนี้นี่เอง เมาริซิโอ ปินิลลา จึงให้ช่างสักจารึกเหตุการณ์ครั้งนี้ลงบนแผ่นหลังของเขา โดยสักเป็นภาพที่ไม่ต้องคิดตีความหมายใด มองแล้วเข้าใจได้ทันที เพราะรูปที่เขาสักนั้น เป็นรูปจำลองเหตุการณ์การยิงชนคานของเขา พร้อมข้อความ “One centimeter form glory” หรือ “ระยะห่างจากเกียรติยศ 1 เซนติเมตร” เพื่อสะกิดเตือนใจว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเข้าใกล้ความสำเร็จเพียงใด เพราะถ้าหากเกมนั้นลูกยิงของเขา มุดลงต่ำกว่านั้นเพียงหนึ่งเซนติเมตร วิถีของลูกและเหตุการณ์ต่าง ๆ คงจะไม่เป็นเช่นนี้ และถ้ามันเป็นประตู แน่นอนว่าไม่มีเวลาให้คู่ต่อสู้อย่างบราซิล แก้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว และการโค่นบราซิล เข้ารอบบนแผ่นดินบราซิลเอง ย่อมจะเป็นเกียรติยศให้แก่ชีวิตนักฟุตบอลของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อมันไม่เป็นแบบนั้น ความผิดหวังมันจึงมากมายมหาศาลเช่นกัน

เมื่อเวลาผ่านไปตามหน้าที่ของมัน ผู้คนต่างค่อย ๆ ลืมเลือนเหตุการณ์นั้นไป ไม่มีใครโทษเขา เพราะรู้ว่าเขาทำดีที่สุดแล้ว แม้แต่ลูกยิงลูกนั้นก็มีแต่คนชื่นชมและกล่าวถึงในทางที่ดี มีเพียงแต่ตัวเขาที่จะจำความผิดหวังนี้ไว้กับตัวเองไปตลอดชีวิต และมันจะสะกิดเตือนใจเขาไปตลอดว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยอยู่ห่างจากเกียรติยศเพียงแค่เซ็นเดียว เท่านั้นเอง

อัลเบอร์โต้ โมเรโน่ กับเหล่าสัตว์มหัศจรรย์ของเขา

นักกีฬาหลายต่อหลายคน ที่หลงใหลในศิลปะการสัก ในกีฬาฟุตบอลเองก็แทบจะเรียกได้ว่าแทบจะมีรอยสักบนเรือนร่างของตัวเองแทบทุกคน มีมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน แต่ถ้าจะกล่าวถึงคนที่มีรอยสักเต็มร่างกายไปหมด ชื่อหนึ่งที่ต้องคิดถึง ต้องมีเขาคนนี้ อัลเบอร์โต้ โมเรโน่ อย่างแน่นอน

อัลเบอร์โต้ โมเรโน่ แบ็กซ้ายชาวสเปน เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของแฟนบอลบ้านเรา เพราะเขาคืออดีตผู้เล่นของทีมหงส์แดงลิเวอร์พูล ซึ่งปัจจุบันเล่นอยู่ในประเทศบ้านเกิด กับสโมสรบียาเรอัล นอกจากฟุตบอลแล้วสิ่งที่โมเรโน่รักคือการสักรูปต่าง ๆ ลงบนเรือนร่างของเขา แน่นอนว่าเขาสักรูปต่าง ๆ ไว้บนร่างกายเยอะมาก แต่วันนี้เราจะมาดูรอยสักรูปสัตว์แปลก ๆ ของเขา ซึ่งเป็นที่กล่าวถึงอย่างมาก ในแง่ของความแปลกประหลาด และสร้างความแปลกใจให้กับผู้คนที่เห็น

1.ลิงชิมแปนซี

นี่คือรอยสักล่าสุดของเขา การสักรูปลิงชิมแปนซี คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าลิงตัวนั้นไม่สวมแว่นตากันแดด ใส่เฮดโฟน ใส่สูท และยังถือปืนอีกด้วย โดยคาดว่าเจ้าตัวต้องการสื่อถึง see no evil, hear no evil, speak no evil, หรือการไม่เห็นสิ่งชั่วร้าย ไม่ฟังสิ่งชั่วร้าย และไม่พูดในสิ่งชั่วร้าย ซึ่งปกติจะเป็นรูปลิง 3 ตัว แต่เขาเลือกใช้ลิงเพียงตัวเดียว แล้วปิดตาด้วยแว่นกันแดด ปิดหูด้วยเฮดโฟน และปิดปากด้วยปลายกระบอกปืน นั่นเอง

2.แพนด้า

แน่นอนว่าแพนด้าของเขาต้องไม่ใช่เจ้าหมีตัวกลมขนปุยน่ารัก ๆ แบบที่เห็นทั่วไป เพราะแพนด้าของโมเรโน่ มันกำลังสูบไปป์ ใส่แว่นตาแบบข้างเดียว และสวมหมวกกลมทรงสูง หรือหมวกทรงกะลานั่นเอง

3.เสือดาว

รูปนี้โมเรโน่จับเอาเสือดาว อันเป็นสัตว์ที่ดุร้ายปราดเปรียว มาใส่ผ้ามัดหัวลายดอกซะหวานแหวว แทบไม่เหลือเค้าโครงของนักล่าผู้ปราดเปรียวเลย ดูไปแล้วรูปนี้เขาอาจจะสื่อถึงความดุร้ายเกรี้ยวกราดที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความงามของผู้หญิงก็เป็นได้

4.น้องหมาตัวโปรด

เขาได้สักรูปเจ้าอาลีน้องหมาตัวโปรดของเขา แต่เพื่อให้มันสมชื่ออาลี เขาก็เลยสักให้มันสวมนวมสำหรับชกมวย และอยู่ในท่าตั้งการ์ด

บรรดาสัตว์มหัศจรรย์ของเขา สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนทุกครั้งที่มีการเปิดตัวพวกมัน และเสียงส่วนใหญ่มักจะออกไปในทางเดียวกันคือ มันคืออะไร เขาต้องการจะสื่ออะไร รวมไปถึงเขาจะสักรูปพวกนี้ไปเพื่ออะไร ทำนองว่าจะบ้าไปแล้วกระมัง แต่สิ่งที่ต้องยอมรับคือมันเป็นงานศิลปะที่สวยงาม และเต็มไปด้วยจินตนาการ ไม่เห็นจะต้องไปแคร์คำพูดใคร หรือทำให้คนทั้งโลกเข้าใจในรอยสักของเขา แค่มันสวยงาม เขาชื่นชอบ พอใจ และมีความสุขกับงานศิลปะของเขา แค่นั้นก็พอแล้ว คิดว่าอัลเบอร์โต้ โมเรโน่ คงอยากจะบอกแบบนี้แหละ

เดเล่ อัลลี่ กับรอยสักแห่งศรัทธาของผู้ไม่ยอมแพ้

เดเล่ อัลลี่ มิดฟิลด์ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ ของสโมสรท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เด็กหนุ่มวัย 23 คนนี้สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาแฟนบอลทั่วโลกมาแล้ว ทั้งในนามทีมชาติและระดับสโมสร โดยเขาเป็นกำหลักหลักในแดนกลางให้กับทั้งสองทีม และยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างเหนียวแน่น จะมีก็เพียงแค่อาการบาดเจ็บเท่านั้นแหละที่จะเบียดเขาจากตำแหน่งในทีมได้

เดเล่ อัลลี่เริ่มต้นอาชีพจากการเป็นเด็กปั้นของมิลตัน คีน ดอน ก่อนที่สเปอร์สจะดึงตัวเขามาร่วมทีมเมื่ออายุ 19 ปีด้วยค่าตัวเพียงแค่ 5 ล้านปอนด์ ถึงตอนนี้เขาลงสนามให้ทัพไก่เดือยทองไปแล้วถึง 149 นัด และทำประตูไปถึง 49 ประตู ส่วนในนามทีมชาตินั้น อัลลี่ติดทีมเยาวชนมาแล้วทุกชุด และตอนนี้เขาเล่นในทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 37 นัด และทำได้ 3 ประตู

เดเล่ อัลลี่ คือหนึ่งในนักกีฬาที่ชื่นชอบในศิลปะการสักบนเรือนร่าง และรอยสักของเขาล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับความศรัทธาและการปลุกใจนักสู้ในตัวของเขาทั้งสิ้น เราลองมาดูว่ารอยสักบนร่างกายของเขามีอะไรบ้าง

1.เจ้าหนูแบมแบม รับเบิล ที่แขนซ้าย

แน่นอนว่ารูปนี้ไม่เกี่ยวกับศรัทธาหรืออะไรทั้งสิ้น แต่เจ้าตัวสักรูปนี้เพราะตัวเขามีชื่อเล่นเดียวกันกับตัวการ์ตูนจากเรื่องฟลินท์สโตน คือ “แบมแบม” เนื่องจากชื่อเต็ม ๆ ของเขาคือ แบมมิเดเล่ อัลลี่ นั่นเอง

2.รอยสัก LOSER-LOVER

ที่เหนือข้อศอกซ้าย อัลลี่สักตัวอักษรคำว่า LOSER โดยมีตัว V สีแดงทับอยู่บนตัว S ซึ่งสื่อความหมายได้ว่า จะเป็นที่รัก หรือไอ้ขี้แพ้นั่นเอง

3.รูปคิงส์กับควีน บนหัวไหล่ขวา

อัลลี่สักรูปคิงส์กับควีนที่อยู่บนไพ่ไว้ตรงหัวไหล่ โดยเจ้าตัวบอกว่า เวลาเล่นไพ่ถ้าเขาได้ไพ่สองใบนี้เขามักจะเป็นผู้ชนะเสมอ คงประมาณว่าถ้ามีไพ่สองใบนี้ไว้กับตัว เขาจะไม่มีวันพ่ายแพ้นั่นเอง

4.รูปพระเจ้ากับนางฟ้า

อัลลี่สักรูปพระเจ้ากับนางฟ้าไว้บริเวณท่อนแขนขวา สื่อถึงศรัทธาที่เขามีต่อพระผู้เป็นเจ้า ในศาสนาคริสต์

5.Psalm 23:4

บนทรวงอกด้านซ้าย อัลลี่สักข้อความสั้น ๆ อันสื่อถึงข้อความในไบเบิ้ล ซึ่งมีใจความว่า
“แม้ข้าพระองค์เดินผ่านหุบเขาเงาแห่งความตาย ข้าพระองค์จะไม่หวาดกลัวความชั่วร้ายใด ๆ เพราะพระองค์สถิตกับข้าพระองค์ พระองค์ทรงปกป้องและนำทางข้าพระองค์ ทำให้ข้าพระองค์สบายใจ” นั่นคือเขาต้องการจะบอกว่าเขาจะไม่เกรงกลัวคู่ต่อสู้หน้าไหนทั้งนั้น

แม้ว่ารอยสักบนร่างกายของเดเล่ อัลลี่ จะยังไม่ได้มากมากมายเท่าใครหลายคน แต่รอยสักของเขาล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธา และเหมาะจะเป็นรอยสักของผู้ที่มีจิตใจแห่งความเป็นนักสู้ ไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร เขาจะลงไปสู้โดยไม่เกรงกลัวผู้ใด เมื่อเขามีทุกอย่างที่เขาเชื่ออยู่บนร่างกายของเขาเอง

Gabriel Jesus กับรอยสักแห่งความทรงจำ

ทุกวันนี้นักฟุตบอลกับรอยสักกลายเป็นของคู่กันไปเสียแล้ว นักเตะชื่อดังหลายต่อหลายคนเลือกใช้ศิลปะบนเรือนร่างเพื่อแสดงออกถึงรสนิยมของตนเอง นักเตะผู้รักครอบครัวมักแสดงออกด้วยการสักชื่อลูกหรือไม่ก็ภรรยา นักเตะที่เคร่งศาสนาก็มักจะเลือกสัญลักษณ์เกี่ยวกับคำสอนที่ตัวเองนับถือมาประดับร่างกาย และอีกไม่น้อยที่เลือกสักลวดลายกราฟิกเพื่อสนองอารมณ์ศิลปิน แต่สำหรับ “กาเบรียล เฆซุส” หนึ่งในนักเตะยุคใหม่ที่ชื่นชอบการสัก ลวดลายที่เลือกประทับลงบนร่างกายล้วนเป็นความทรงจำที่เขาต้องการให้ติดตัวไปตลอดกาล ซึ่งนี่คือที่มาของรอยสักอันแสดงถึงตัวตนของนักเตะแซมบ้ารายนี้

รอยสัก JD. Peri

เฆซุส เกิดและโตที่เมือง Jardim Peri ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเซา เปาโล ย่านที่เขาอาศัยอยู่ถือเป็นชุมชนแออัดที่หนาแน่นไปด้วยตึกอาคารบ้านเรือน แถมยังเต็มไปด้วยอบายมุข ยาเสพติด และอาชญากรรม แต่เด็กน้อยเฆซุสก็ก้าวข้ามสิ่งยั่วยุเหล่านั้นมาได้ด้วยการเล่นฟุตบอล

เฆซุสใช้เวลาในวัยเด็กส่วนใหญ่อยู่กับการเล่นฟุตบอลข้างถนนกับเพื่อน ๆ เขาไม่เคยกลัวการเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่โตกว่า และยังเป็นคนออกหน้าเสมอเมื่อการเล่นฟุตบอลสร้างปัญหาให้กับเฟอร์นิเจอร์ของเพื่อนบ้าน อันเนื่องมาจากความคับแคบของสนาม ต่อมาเฆซุสได้เป็นส่วนหนึ่งในทีมเยาวชนของ Pequeninos do Meio Ambiente สโมสรฟุตบอลท้องถิ่นเมื่ออายุ 8 ขวบ ก่อนจะก้าวเข้าสู่ทีมเยาวชนของพัลไมรัส สโมสรชั้นนำของบราซิล ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้แฟน ๆ VWIN ได้รู้จักกับเขา จนกระทั่งได้ร่วมทีมระดับโลกอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในที่สุด ภายหลังการเซ็นสัญญากับทีมเรือใบสีฟ้า เขาเดินทางกลับไปยังสโมสรแรกของเขาพร้อมกับรองเท้าสตั๊ด 250 คู่ เพื่อบริจาคให้กับเด็ก ๆ โดยหวังว่าพวกเด็กจะใช้มันก้าวตามความฝันและประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับเขา

เฆซุสเลือกสักเกี่ยวกับเมือง Peri ไว้ที่แขนขวาด้านใน ด้วยภาพเด็กน้อยสวมหมวกรูปธงชาติบราซิลยืนหันหลังมองไปยังตึกสูง พร้อมข้อความว่า “JD. Peri” เพื่อระลึกถึงต้นกำเนิดของเขา โดยเขามักบอกกับคนอื่นเสมอว่ามาจากเมือง Peri รอยสักนี้จึงเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าถึงแม้เขาจะจาก Peri มา แต่ Peri จะไม่มีวันจากเขาไปไหน

รอยสัก Vera, My Mother

เวร่า แม่ของเฆซุสถือเป็นบุคคลที่มีความสำคัญที่สุดในชีวิตของศูนย์หน้าบาซิเลี่ยน เนื่องจากพ่อได้ทิ้งแม่ไปตั้งแต่เขายังไม่คลอดและเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน แต่ด้วยการดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากผู้เป็นแม่ ทำให้เฆซุสรอดพ้นจากสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งชั่วร้ายมาได้ มีเพียงน้ำอัดลมเท่านั้นที่เขาหนีไม่พ้น

เฆซุสสนิทกับแม่ของเขามาก โดยทั้งคู่โทรศัพท์หากันเป็นประจำ ซึ่งเรื่องที่พูดคุยกันก็หนีไม่พ้นเรื่องฟุตบอล เฆซุสบอกว่าแม่ของเขาเข้าใจเกมฟุตบอลเป็นอย่างดี แถมยังบ่นถึงความผิดพลาดในสนามของเขาอยู่เสมอ ทำให้เมื่อยิงประตูได้เขาจึงแสดงท่าดีใจด้วยการชูมือเป็นรูปโทรศัพท์เพื่อสื่อสารไปถึงแม่ของเขาที่ชมการแข่งขันอยู่ หลังจากนั้นท่าดีใจนี้ก็ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของเขา และมีชื่อเรียกว่า “Alo Mae” ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “สวัสดีครับแม่”

เฆซุสสักรูปใบหน้าแม่ไว้ที่บริเวณหัวไหล่ซ้าย ก่อนจะสักข้อความ Alo Mae พร้อมรูปมือทำสัญลักษณ์โทรศัพท์ในเวลาต่อมา เพื่อระลึกถึงผู้หญิงที่คอยให้การสนับสนุนเขามาตลอดชีวิต

รอยสัก Tininho

ตินินโญ่ เป็นทั้งเพื่อนร่วมทีมและเพื่อนที่ดีที่สุดของเฆซุส เมื่อสมัยที่ยังเล่นให้กับทีมเยาวชนของพัลไมรัส โดยตินินโญ่ถูกยิงเสียชีวิตเมื่ออายุ 16 ปี เฆซุสเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะทำใจ แต่เขาก็มั่นใจว่าพระเจ้าจะพาเพื่อนของเขาไปยังสถานที่ที่ดี

เฆซุสเลือกสักรูปใบหน้าตินินโญ่ตอนใส่แว่นบริเวณต้นขาขวา พร้อมข้อความที่ระลึกถึงเพื่อนผู้จากไป “นายจะเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำของฉันตลอดไป”

เมมฟิส เดอปาย รอยสักทำให้กลับสู่ฟอร์มอันโหดร้าย

แฟน ๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหรือแฟนฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคงจำเมมฟิส เดอปายศูนย์หน้าชาวเนเธอร์แลนด์ได้เป็นอย่างดี เดิมทีกองหน้าทีมกังหันลมผู้นี้เคยเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดในยุโรป เขาแจ้งเกิดเต็มตัวกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในฟุตบอลโลกปี 2014 ผลพวงจากฟอร์มอันโดดเด่นนั้นทำให้ไม่กี่เดือนต่อมาเขาได้สวมยูนิฟอร์มของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสมใจโดยไม่รู้ตัวเลยว่านั่นคือจุดเริ่มของความขมขื่น

การเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของตระกูลเกลเซอร์ถูกต่อต้านจากบรรดาเร้ด อาร์มี่มาตลอดและพวกเขาทราบดีว่าหากจะหยุดกระแสด้านลบนั้นต้องบริหารทีมให้ถูกใจบรรดาสาวกเท่านั้น การเอาใจแฟนบอลรูปแบบไหนคงไม่เอนเตอร์เทนเท่าการซื้อนักเตะชื่อดังเข้าสู่ทีมและเดอปายดาวเตะเนื้อหอมในขณะนั้นก็คือหนึ่งในชื่อที่ทำให้เสียงวิจารณ์ตระกูลเกลเซอร์ลดลง แฟนผีต้องการให้ทีมคว้านักเตะหนุ่มคนนี้จากพีเอสวี ไอน์โฮเฟ่นเพราะเห็นถึงศักยภาพที่จะยกระดับทีมได้ แถมเดอปายยังมีความกระหายในชัยชนะซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นักเตะในทีมปีศาจแดงขาดหายไปแสนนาน ปีแรกที่ได้ลงสนามรับใช้ทีมดังจากเมืองแมนเชสเตอร์เขาโชว์ฟอร์มได้สมน้ำสมเนื้อในฐานะนักเตะดาวรุ่ง แต่พอเข้าสู่ปีถัดไปฟอร์มของปีกกล้ามแน่นก็ค่อย ๆ หายไปกับสายลมพร้อมกับอาการบาดเจ็บที่คอยรังควาน แฟนบอลปีศาจแดงที่เคยหนุนหลังต่างกลับกลายอยากให้ทีมปล่อยตัวเขาออกไปเพราะเห็นว่าพัฒนาการของเดอปายหยุดนิ่งอยู่กับที่และทีมต้องการนักเตะสำเร็จรูปที่ใช้ได้เลยมากกว่าต้องมาปลุกปั้นกันอีก สิริรวมแล้วลงสนาม 50 นัดทำไป 7 ประตูกับอีก 9 แอสซิสต์เป็นสถิติสุดจุ๋มจิ๋มของเดอปายตลอดสองปีกับแมนฯยูไนเต็ด

เดอปายไม่อยู่ในแผนของกุนซือผู้มาใหม่อย่างมูริญโญ่จึงถูกโละขายให้โอลิมปิค ลียงในฝรั่งเศส บนแดนน้ำหอมปีกตกอับได้ฉายแสงอีกครั้ง เพียงไม่กี่เกมในลีก เอิงเขาก็ปรับตัวได้และกลับมามีชื่อบนสกอร์บอร์ด จากนั้นไม่นานเดอปายก็ต้องได้รับบทศูนย์หน้าจำเป็นและเขาก็ไม่ทำให้ทีมผิดหวังแม้จะไม่ใช่ตำแหน่งธรรมชาติของเขาก็ตาม เจ้าหนุ่มจากฮอลแลนด์จัดการกระซวกตาข่ายอย่างโหดเหี้ยม กระหน่ำยิงอย่างไม่หยุดยั้งตลอดสามปีที่ค้าแข้งกับลียงเขาทำสถิติลงเล่นในลีก เอิง 89 นัดยิงไป 34 ประตูกับอีก 31 แอสซิสต์ การคัมแบ็กกลับสู่ฟอร์มโหดเช่นนี้สำนักข่าวจึงไม่รอช้าจับเจ้าตัวมานั่งสัมภาษณ์ว่ามีเคล็ดลับอะไรซ่อนอยู่ ศูนย์หน้าฟอร์มฮอตเลยได้โอกาสเปิดใจกล่าวถึงรอยสักที่เป็นเหมือนขุมพลังของเขาอย่างคมคาย

“รอยสักรูปใบหน้าสิงโตที่แผ่นหลังของผมมันคือผมเอง…ผมรู้สึกว่าตัวเองคือสัตว์ป่าที่ถือกำเนิดและเติบโตขึ้นในป่าที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย สิงโตตัวนี้ต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก้าวย่างเท้าลงบนผืนแผ่นดินอันขรุขระจนเท้าของมันเต็มไปด้วยบาดแผล และเมื่อผ่านสิ่งเหล่านั้นไปได้มันจะกลายเป็นราชาแห่งป่าและยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจด้วยเท้าอันหยาบกระด้างของมันเอง”

หลังจากมีรอยสักรูปใบหน้าสิงโตเต็มแผ่นหลัง ทุกครั้งที่เมมฟิส เดอปายมองดูรอยสักสุดอลังการนั้นจากกระจกสะท้อนเขาจะให้คำมั่นกับตัวเองเสมอว่า ต้องกลับมาเป็นราชาบนฟลอร์หญ้าอีกครั้งด้วยสองขาของตัวเอง แม้หนทางจะยากเย็นก็ต้องอดทนฝ่าไปเช่นเดียวกับสิงโตที่เท้าของมันเต็มไปด้วยบาดแผล น่าเสียดายที่เมื่อรอยสักนี้เสร็จสมบูรณ์เป็นช่วงที่เขาต้องอำลาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปซบอกลียงพอดี ไม่อย่างนั้นแฟนบอลแมนฯยูฯอาจจะได้เห็นเมมฟิส เดอปายระเบิดพลังแห่งราชสีห์อยู่ในสนามโอล แทรฟฟอร์ดจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นไปได้

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน การสักคือสิ่งที่พิเศษยิ่งกว่าการคว้าแชมป์

ในโลกฟุตบอลสมัยใหม่การคว้าแชมป์สักรายการไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บรรดาทีมใหญ่ ทีมเงินถุงเงินถังอันเต็มไปด้วยผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์ที่ทุ่มเงินนับร้อยนับพันล้านยูโรยังไม่สามารถการันตีได้ว่าทีมจะประสบความสำเร็จมีแชมป์ติดมือในแต่ละปี ยิ่งโดยเฉพาะฟุตบอลรายการยุโรปที่เต็มไปด้วยเสือ สิงห์ กระทิง แรดด้วยแล้วการกรุยทางสู่แชมป์ซึ่งมีทีมระดับบาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด, ยูเวนตุส, บาร์เยิร์น มิวนิค, ปารีส แซงต์ แชร์แมงและแมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นปราการขวางกั้นนั้นต้องบอกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ทีมอื่น ๆ จะทะลุผ่านเข้าไปถึงรอบชิงหรือคว้าแชมป์มาครอบครอง

หงส์แดง ลิเวอร์พูลโชว์ให้ทุกทีมในยุโรปเห็นว่าหากมีพลังใจทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้ พวกเขาประสบกับสถานการณ์แบบมิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ลครั้งแล้วครั้งเล่าในฤดูกาลที่ผ่านมาแต่กลับผ่านสถานการณ์อันเลวร้ายเหล่านั้นได้ทุกครั้งอย่างน่าเหลือเชื่อ ผลงานขั้นเอกอุที่สุดคือสามารถพลิกนรกคว่ำบาร์เซโลน่าถึง 4-0 ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศทั้ง ๆ ที่นัดแรกพลาดท่าปราชัยในถิ่นคัมป์ นูไป 3-0 สรุปสองนัดทีมหงส์แดงเข้ารอบชิงด้วยสกอร์รวม 4-3 จากนั้นทุกคนคงทราบดีแล้วว่าพวกเขาสร้างเทพนิยายบทใหม่ขึ้นและทีมได้เถลิงแชมป์อย่างยิ่งใหญ่หลังจากเชือดท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ไปแบบสบาย ๆ ในรอบชิง

จอร์แดน เฮนเดอร์สันหรือกัปตัน “เฮนโด้” ของสาวกเดอะ ค็อปเป็นผู้ได้รับเกียรติให้ชูถ้วยบิ๊กเอียร์ในฐานะกัปตันทีม นอกจากจารึกชื่อของตัวเองในประวัติศาสตร์แล้วกัปตันรูปงามยังไม่ลืมจารึกความภาคภูมิใจลงบนแผ่นหนังของตัวเองด้วย ซึ่งถ้าเป็นนักเตะคนอื่นคงเป็นเรื่องธรรมดาแต่กับจอร์แดน เฮนเดอร์สันมันเป็นอะไรที่ยากกว่าการคว้าแชมป์เสียอีก กัปตันของเหล่าสเก๊าเซอร์เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่มีความเป็นโอลด์แมนฉบับคนอังกฤษแท้ ๆ หนุ่ม ๆ สไตล์นี้ไม่นิยมการสักเลย เต็มที่ก็แค่ไว้หนวดเคราเพื่อเสริมบุคลิกเท่านั้น ที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องด้วยเหตุผลสารพัดทั้งเรื่องของเชื้อชาติ การเมืองและวัฒนธรรมถ้าให้อธิบายคงเขียนเป็นหนังสือปึกหนา ๆ ได้เลย เอาเป็นว่าสรุปง่าย ๆ คือเกรงจะดูไม่สุภาพ ดูไม่เป็นผู้ดี ชอบร่างกายที่เกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้านมากกว่า หนุ่มอังกฤษแบบนี้ไม่ได้มีแต่เฮนโด้เท่านั้นเอาแค่ในทีมชาติอังกฤษก็มี แฮร์รี่ เคน, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, เอริค ดายเออร์ เป็นต้น อิงลิชชนที่มีความเป็นโอลด์แมนเหล่านี้จะมีความสำรวมยึดถือเรื่องมารยาทและทรงผมเรียบแปล้แทบไม่กระดิก จะเรียกว่าหัวโบราณหน่อย ๆ ก็ว่าได้ ดังนั้นการมีรอยสักบนเรือนร่างจึงไม่ต่างจากการทำผิดประเพณี ถ้าไม่สำคัญจริง ๆ  ไม่ใช่วาระพิเศษจริง ๆ หัวเด็ดตีนขาดพวกเขาไม่มีวันเดินเข้าร้านสักแน่นอน

หลังจากคว้าแชมป์เจ้าตัวจึงลงทุนบินลัดฟ้าสู่เมืองลอส แองเจลิสประเทศสหรัฐอเมริกาตรงดิ่งไปหาทอมมี่ มอนโตย่า ช่างสักท้องถิ่นในนครดาราลงหมึกให้ เฮนโด้ให้ช่างสลักลายรูปถ้วยยุโรปลงที่หน้าขาด้านซ้ายลงวันที่ 01/06/19 กำกับไว้ด้วย แต่กระนั้นรอยสักนี้ก็ไม่ใช่ศิลปะบนเรือนร่างชิ้นแรกของเขา เฮนโด้เคยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “ผมไม่เคยมีความคิดที่จะสักเลย แต่พอลูกทั้งสองของผมถือกำเนิดความคิดของผมก็เปลี่ยนไป” เขาสักวันเดือนปีเกิดของลูก ๆ ลงบนร่างกายซึ่งเราจะไม่เฉลยหรอกนะว่าพ่อหนุ่มขี้อายแสนถ่อมตัวผู้นี้ซ่อนมันไว้ส่วนไหนในร่มผ้าอีก

การสัก Passion แห่งสีสันบนเรือนร่าง ที่หลายคนโนแคร์แม้จะถูกมองในแง่ลบ

ในบริบทในสังคมไทยปัจจุบันมีค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมพอสมควรในหลาย ๆ เรื่อง ประเด็นหนึ่งที่หลายคนมองข้ามไปก็คือ เรื่องของการ “สัก” หากเราเดินไปตามแหล่งท่องเที่ยวแนวสตรีทในช่วงเย็นย่ำ หลายแห่งเลยทีเดียวที่เราจะเห็นร้านรับบริการสักลายบนเรือนร่างเปิดให้บริการกันอยู่เต็มไปหมด ภายในร้านก็มักจะมีช่างสักฝีมือดีอยู่ไม่เกิน 3 คน บางร้านก็มีแค่คนเดียวด้วย เรารับรู้กันดีว่าการสักนั้นเป็นรสนิยมส่วนบุคคล แต่โดยภาพรวมใหญ่ของสังคมไทยลึก ๆ แล้วก็ยังไม่ยอมรับหรือรู้สึกในแง่ลบต่อการสักลายบนเรือนร่างอยู่ดี หลายคนเคยบอกว่า เมื่อเห็นคนมีรอยสักมักจะทำให้รู้สึกถึงนักเลง ขี้คุก คนติดยา หรือสื่อไปให้เห็นถึงความรุนแรงและสกปรก แต่เรื่องนี้น่าแปลก ถ้ารอยสักแบบเดียวกันไปปรากฏอยู่บนร่างกายของคนดัง หรือ นักกีฬาดังมืออาชีพ ความรู้สึกของผู้คนกลับเปลี่ยนไป

เมื่อนักกีฬาดังสัก คนไม่ยักกะรังเกียจ

ย้อนกลับไปในกีฬาโอลิมปิก 2016 ที่ริโอเดจานาโร ประเทศบราซิล มีนักกีฬาหลายคนสร้างชื่อเสียงตนเองให้เป็นที่รู้จักกันจนถึงทุกวันนี้ด้วยการเผยรอยสักในร่างกายของตนเองไปพร้อม ๆ กับฝีมือในการแข่งขันกีฬา แน่นอนว่าทักษะและศักยภาพในด้านกีฬาเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมา แต่ปัจจัยเสริมอย่างรอยสักที่ดูสะดุดตาและมีเสน่ห์ก็เป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้แฟน ๆ กีฬาจดจำพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Daniel Jason Lewis นักมวยสากลสมัครเล่นชาว Australia ก็สร้างความรู้สึกสะดุดตาให้กับแฟน ๆ กับรอยสักเต็มร่างกาย ที่ดูจะเป็นที่พูดถึงมากที่สุดก็คือ รอยสักรูปจิงโจ้ที่มีการสวมนวมทำท่าทางชกมวยอยู่ หรืออย่าง Ignacio Perrin นักมวยสากลสมัครเล่นชาว Argentina ที่มาเต็มกับรอยสักที่แผ่นหลังรูปบุคคลสำคัญทั้งพระแม่มารี เชกูวาร่า ทำให้สะดุดตาแฟนมวยกันได้ดียามเขาถอดเสื้อ นักกีฬาเหล่านี้สร้างจุดเด่นของตนเองขึ้นมาจากรอยสักด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกว่า คนกลับพูดถึงพวกเขาเหล่านี้ในแง่ที่ดี ไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรือคิดถึงคนเหล่านี้ในแง่ลบเลย ทำไมเป็นเช่นนั้นล่ะ ก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจเหมือนกัน

รอยสักจะลบหรือบวก อยู่ที่ใจคน

หากจะว่าไปแล้วรอยสักก็คงจะเหมือน ๆ เรื่องของการพนัน ที่มองได้ทั้งสองแง่ มีทั้งขาวและดำ อย่างในปัจจุบันเกิดเว็บไซต์พนันกีฬาในไทยเรามากมายหลายเว็บ รายหนึ่งในนั้นก็คือ เว็บไซต์ VWIN ที่ให้บริการรับเดิมพันทั้งกีฬาและเกมพนันสไตล์คาสิโน เว็บไซต์เหล่านี้ถ้าจะมองให้ดีแล้วก็แค่ธุรกิจอย่างหนึ่ง ที่เปิดเพื่อให้คนสนใจเรื่องพนันได้มาสนุกและมาบันเทิงกัน แต่ถ้ามองกันในแง่ลบมองเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องก็มองได้ รอยสักนั้นก็คงเป็นเรื่องลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะอยู่บนร่างกายของใครส่วนไหน จะอยู่บนเรือนร่างของคนหนุ่มคนสาว คนผอมคนอ้วน คนธรรมดาทั่วไป หรืออยู่บนร่างกายของนักกีฬาคนดัง ถ้าใจคนมองคิดว่าเรื่องสักเป็นเรื่องแง่ลบรอยสักไปอยู่กับใครก็มองว่ามันไม่สวยอยู่ดี แต่ถ้าคนมองบวกมองยังไงก็รู้สึกว่ามันสวยงาม แน่นอนส่วนตัวนักกีฬาหรือคนที่มีรอยสักในตัวนั้น ทุกคนมองว่ารอยสักเป็นเรื่องของ Passion เป็นงานศิลป์อย่างหนึ่งที่น่าหลงใหล ใครจะมองอย่างไรมันไม่สำคัญ ขอเพียงสิ่งนั้น ๆ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจทำให้พวกเขามีพลังที่จะก้าวต่อไปในชีวิตบนเส้นทางของตนเองก็เพียงพอแล้ว เรื่องแบบนี้อยู่ที่ใจคนมองมันห้ามกันไม่ได้หรอกเนอะ

รอยสักเป็นเรื่องของรสนิยมส่วนบุคคล บางคนมองว่ามันคือการแสดงออกในแง่ลบ ส่วนบางคนมองว่ามันคือความน่าหลงใหล แล้วคุณล่ะมองศิลปะบนเรือนร่างนี้ในแง่ไหน ถามใจดู